โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป บริษัทผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานร่วงลง 39% ในไตรมาสแรกสิ้นสุดที่เดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากการที่ยอดขายในสหรัฐลดลง ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และเงินเยนแข็งค่า
โตโยต้า ซึ่งกำลังจะแซงหน้าเจเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป ในฐานะผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก ยังคงคาดการณ์ผลประกอบการณ์ประจำปีไว้เท่าเดิม แต่เปิดเผยว่าผลกำไรจากการดำเนินงานอาจลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
โตโยต้ามีผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 4.1259 แสนล้านเยน (3.8 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรก ลดลงจาก 6.7543 แสนล้านเยนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการหดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน
โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าผลกำไรจากการดำเนินงานของโตโยต้าจะอยู่ที่ราว 4.068 - 4.421 แสนล้านเยน
เงินเยนที่แข็งค่าส่งผลให้ผลกำไรรายไตรมาสลดลงกว่า 2 แสนล้านเยนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยปัจจุบันเงินเยนซื้อขายอยู่ที่ระดับ 105 เยนต่อดอลลาร์ และ 163 เยนต่อยูโร เมื่อเทียบกับ 121 เยนต่อดอลลาร์ และ 163 เยนต่อยูโรเมื่อปีที่แล้ว
ผลกำไรสุทธิของโตโยต้าลดลง 28% สู่ระดับ 3.5366 แสนล้านเยน ส่วนรายได้ลดลง 4.7% แตะ 6.215 ล้านล้านเยน
ในไตรมาสสิ้นสุดที่เดือนมิ.ย. ยอดขายทั่วโลกของโตโยต้ามีการขยายตัวแตะ 2.186 ล้านคัน จาก 2.162 ล้านคัน โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายอันแข็งแกร่งในเอเชียและตะวันออกกลาง
สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดที่เดือนมี.ค.2552 โตโยต้าคาดการณ์ว่าผลกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.25 ล้านล้านเยน, ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 1.60 ล้านล้านเยน และรายได้อยู่ที่ 25.0 ล้านล้านเยน
นอกจากนั้นทางบริษัทยังคงคาดการณ์ผลประกอบการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปีสิ้นสุดที่เดือนก.ย.ไว้เท่าเดิม โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 6 แสนล้านเยน, ผลกำไรจากการประกอบการณ์ที่ 7.5 แสนล้านเยน และรายได้ที่ 12.2 ล้านล้านเยน
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายทั่วโลกของทั้งปีลงเหลือ 8.74 ล้านคัน จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 9.06 คัน
เมื่อพิจารณาตามภูมิภาค โตโยต้าคาดการณ์ว่ายอดขายยานยนต์ในสหรัฐจะอยู่ที่ 2.63 ล้านคัน ลดลงจากที่เคยคาดไว้ที่ 2.77 ล้านคัน ส่วนในญี่ปุ่นคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.17 ล้านคัน จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 2.2 ล้านคัน
ด้านยอดขายในยุโรปคาดว่าจะอยู่ที่ 1.29 ล้านคัน ลดลงจากที่เคยคาดไว้ที่ 1.39 ล้านคัน และยอดขายในเอเชียคาดว่าจะอยู่ที่ 1.06 ล้านคัน จากที่เคยคาดไว้ที่ 1.10 ล้านคัน
ส่วนยอดขายในภูมิภาคอื่นๆ อย่างอเมริกากลางและตะวันออกกลางคาดว่าจะอยู่ที่ 1.59 ล้านคัน ลดลงจากที่เคยคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 1.60 ล้านคัน สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--