"เนสท์เล่"เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกโตเพียง 6.1% ขยายตัวช้าสุดในรอบ 4 ปี

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 7, 2008 16:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          เนสท์เล่ เอสเอ (Nestle SA) บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่สุดในโลกเปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี เพราะได้รับผลกระทบจากราคากาแฟและโกโก้ที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับภาวะเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานการเปิดเผยของเนสท์เล่ที่ระบุในแถลงการณ์ว่า รายได้สุทธิของบริษัทไต่ระดับขึ้น 6.1% แตะที่ 5.21 พันล้านฟรังก์สวิส (4.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 1.39 ฟรังก์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.01 พันล้านฟรังก์สวิส ขณะที่ยอดขายพุ่งขึ้น 3.8% แตะที่ระดับ 5.307 หมื่นล้านฟรังก์สวิส
ในช่วงปีที่ผ่านมา เนสท์เล่ ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉลี่ยประมาณ 3% ซึ่งถือเป็นสถิติการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 เพื่อชดเชยกับต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่บริษัทยูนิลีเวอร์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกยอมรับว่า ราคาอาหารที่แพงขึ้นส่งผลกระทบต่อปริมาณยอดขาย เนื่องจากผู้บริโภคบางรายปรับพฤติกรรมมาใช้จ่ายสินค้า private-label
ทั้งนี้ ต้นทุนของสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญที่บริษัทใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตนั้นล้วนปรับตัวสูงขึ้น โดยราคากาแฟโรบัสต้าถีบตัวขึ้น 33% จากปีก่อน ขณะที่ราคาน้ำตาลไต่ระดับขึ้น 40% ส่วนราคาโกโก้ทะยานขึ้น 41%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ