เนสท์เล่ เอสเอ (Nestle SA) บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่สุดในโลกเปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี เพราะได้รับผลกระทบจากราคากาแฟและโกโก้ที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับภาวะเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานการเปิดเผยของเนสท์เล่ที่ระบุในแถลงการณ์ว่า รายได้สุทธิของบริษัทไต่ระดับขึ้น 6.1% แตะที่ 5.21 พันล้านฟรังก์สวิส (4.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 1.39 ฟรังก์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.01 พันล้านฟรังก์สวิส ขณะที่ยอดขายพุ่งขึ้น 3.8% แตะที่ระดับ 5.307 หมื่นล้านฟรังก์สวิส
ในช่วงปีที่ผ่านมา เนสท์เล่ ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉลี่ยประมาณ 3% ซึ่งถือเป็นสถิติการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 เพื่อชดเชยกับต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่บริษัทยูนิลีเวอร์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกยอมรับว่า ราคาอาหารที่แพงขึ้นส่งผลกระทบต่อปริมาณยอดขาย เนื่องจากผู้บริโภคบางรายปรับพฤติกรรมมาใช้จ่ายสินค้า private-label
ทั้งนี้ ต้นทุนของสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญที่บริษัทใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตนั้นล้วนปรับตัวสูงขึ้น โดยราคากาแฟโรบัสต้าถีบตัวขึ้น 33% จากปีก่อน ขณะที่ราคาน้ำตาลไต่ระดับขึ้น 40% ส่วนราคาโกโก้ทะยานขึ้น 41%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--