นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จะเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ เพื่อขอนำเรื่องข้าวกลับมาอยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และต้องการให้นายกรัฐมนตรียุบรวม 3 คณะกรรมการข้าวให้เป็นคณะกรรมการเดียว โดยมีตนเองหรือคนในกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน
นอกจากนี้จะหารือเรื่องการเร่งระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล 2.1 ล้านตัน และข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 51 ที่กำลังเปิดรับจำนำอยู่ในขณะนี้เพื่อหารายได้เข้าประเทศ โดยเห็นว่าต้องเร่งระบายข้าวในสต๊อกเพราะหากยิ่งช้าจะทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ และคาดว่าราวปลายเดือนนี้น่าจะเปิดให้ประมูลข้าวในสต๊อกได้
"ข้าวในสต๊อกรัฐบาลต้องระบายออกแน่ ยิ่งเก็บข้าวจะยิ่งเสื่อมคุณภาพ ราคาจะตกลงเรื่อยๆ แต่ละปีราคาจะตกลงตันละ 10 เหรียญสหรัฐ ก็คงมีทั้งขายแบบจีทูจีและเปิดให้เอกชนประมูล แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับจีทูจีเพราะรัฐจะเจ็บตัว ให้เอกชนประมูลดีกว่าโดยกำหนดราคาขั้นต่ำและอาจจะขายให้รายเดียวทั้งล็อต ถ้าแบ่งย่อยให้หลายรายจะทำให้ผู้ส่งออกไปขายต่างประเทศตัดราคากันเอง และราคาข้าวไทยจะตกต่ำ ถ้าขายรายเดียวจะควบคุมราคาส่งออกได้ง่ายกว่า คาดปลายส.ค.น่าจะเริ่มเปิดประมูลได้" นายไชยา กล่าว
นอกจากนี้ จะหารือถึงการเตรียมพื้นที่สำหรับเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 51/52 ซึ่งหากจะมีการรับจำนำราคารับจำนำจะต้องไม่ต่ำกว่าตันละ 14,000 บาทสำหรับเจ้าเปลือกเจ้า ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิราคาจะสูงกว่านั้น รวมถึงการสนับสนุนให้เอกชนสร้างไซโลปรับอุณหภูมิเก็บข้าว เพราะจะรักษาคุณภาพข้าวได้ดีกว่าเก็บในโกดังธรรมดา และเก็บได้นานถึง 2 ปีโดยไม่ต้องรมยา ทำให้ข้าวไทยไม่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนสารเคมี
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯ เตรียมขอเข้าพบ รมว.พาณิชย์ เพราะกังวลต่อการที่รัฐบาลจะเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 51/52 ราวเดือนพ.ย.นี้ และอาจกำหนดราคาจำนำสูงเกินกว่าราคาตลาดมาก ทำให้ผู้ส่งออกไทยแข่งขันในตลาดโลกยาก จึงต้องการให้ราคารับจำนำไม่เกินตันละ 10,000 บาท
พร้อมกันนั้น เห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์จะขอดูแลข้าวเองเหมือนเดิม และไม่คัดค้านที่จะนำข้าวสต๊อกรัฐ 2.1 ล้านตันขายแบบจีทูจี แต่ต้องเป็นตลาดข้าวที่เอกชนเข้าถึง เช่น อิหร่าน เกาหลีเหนือ แต่ขอให้ดูจังหวะที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาข้าวในตลาด
ทั้งนี้คาดว่าการส่งออกข้าวไทยปีนี้จะเหลือ 8-8.5 ล้านตัน ลดลงจากเดิมที่คาดส่งออก 10 ล้านตัน เพราะวิกฤติอาหารผ่านไปแล้ว และหลายประเทศเริ่มส่งออกได้ในราคาถูกกว่าไทย ผู้ซื้อจึงหันไปซื้อจากที่อื่นทั้งเวียดนาม อินเดีย และคาดจะชะลอตัวไปจนถึงปีหน้า
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--