ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการทำสัญญาซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย ขณะที่ค่าเงินยูโรและเงินปอนด์ถูกกดดันอย่างหนัก หลังจากธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.5333 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.5412 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์ร่วงลง 1.9432 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9475 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9062 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9091 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลงแตะระดับ 0.7136 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7176 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงแตะระดับ 109.36 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 109.71 เยน/ดอลลาร์
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้นเกินคาด 5.3% แตะระดับ 89.0 จุดในเดือนมิ.ย.จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 84.5 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3-3.5%
ธนาคารกลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจขาลงยังคงมีพอๆกับความวิตกเรื่องเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งการตรึงดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในครั้งนี้เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แม้ว่าในสัปดาห์นี้ได้มีการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าตลาดบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภคชะลอตัวลงอย่างมากก็ตาม
โดยฮาลิแฟกซ์เปิดเผยในวันนี้ว่า ราคาบ้านในอังกฤษร่วงลง 8.8% ในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือนก.ค. เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคบริการที่มีการเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมายังคงส่งสัญญาณถึงการหดตัวลง
อย่างไรก็ตาม ด้วยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อ อยู่ที่ระดับ 3.8% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 2.0% ของธนาคารกลางอังกฤษ ก็ส่งผลให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางไม่กล้าเสี่ยงที่จะลดดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ แม้ว่าสมาชิก 15 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม ซึ่งการคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้สอดคล้องกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และกระแสคาดการณ์ในตลาด
ธนาคารกลางยุโรปได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อที่ทะยานขึ้นในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 15 ประเทศ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยต่อจากนั้นได้ส่งสัญญาณเพิ่มมากขึ้นว่าเศรษฐกิจกำลังอ่อนแอ ขณะที่เงินเฟ้อยังไม่มีทีท่าว่าจะปรับตัวลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--