นายวีระพล จิรประดิษฐ์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) คาดแนวโน้มการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลดลงราว 1.7-2.0% ส่งผลให้ภาพรวมการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ทั้งปีขยายตัว 2.3-2.5% เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เชื้อเพลิงประเภทอื่นเพื่อทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาแพง
โดยก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี)มีแนวโน้มการใช้สูงขึ้น 10.3% สวนทางกับน้ำมันสำเร็จรูปที่มีการใช้ลดลง 4.5% ทั้งเบนซินและดีเซล เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาประหยัดพลังงานและใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น เช่น การใช้เอ็นจีวีและก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ในภาคขนส่ง, ภาคอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าหันมาใช้ถ่านหินและก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตแทนน้ำมันเตา
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของไทยยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป โดยโรงกลั่นน้ำมันไม่ได้ปรับลดการกลั่นลงตามแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ เนื่องจากยังสามารถส่งออกและมีรายได้จากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง
ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า ปัญหาราคาน้ำมันแพงส่งผลให้มีการใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้การใช้ก๊าซแอลพีจีในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 17.1% แต่เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลประกาศลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีแล้วจะทำให้เกิดการชะลอตัวลงได้
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--