นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐประจำเดือนก.ค.มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคจำเป็นต้องนำเงินที่ได้จากเช็คเงินคืนภาษีของรัฐบาลมาเป็นค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเบนซินที่ราคาถีบตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐในเดือนก.ค.อาจปรับตัวลดลง 0.1% หลังจากที่ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานยอดค้าปลีกในวันพุธที่ 13 ส.ค. นี้ ขณะที่รายงานตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆอาจสะท้อนให้เห็นว่าราคาอาหารและพลังงานที่แพงขึ้นส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตยังซบเซา
จอห์น เรย์ดิง นักวิเคราะห์จาก RDQ Economics LLC ในนิวยอร์กกล่าวว่า "ผู้บริโภคกำลังเผชิญกับแรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจที่รายล้อมรอบด้าน ดังนั้น เศรษฐกิจสหรัฐจึงยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในเร็วๆนี้"
ทั้งนี้ อัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 2 ใน 3 ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจนั้นอาจเบาบางลงต่อเนื่องจากที่ขยายตัวช้าที่สุดในรอบ 17 ปี ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ตกงานยังคงมีเพิ่มมากขึ้น ส่วนมูลค่าสินทรัพย์ในตลาดที่อยู่อาศัยจะยังร่วงลงหลังจากสหรัฐผ่านพ้นช่วงที่รัฐบาลจ่ายเช็คเงินคืนภาษีไปแล้ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--