นายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงไม่มีแผนอัดฉีดเงินทุนเข้าแฟนนี เม บริษัทสินเชื่อบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และเฟรดดี แมค สถาบันผู้ให้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ หลังจากที่ทั้งสองบริษัทขาดทุนรวมกันถึง 3.12 พันล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขขาดทุนดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด และคาดว่าธุรกิจที่อยู่อาศัยจะตกอยู่ในภาวะที่ซบเซาต่อไปในปีนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว พอลสันได้เปิดเผยแผนการกระตุ้นบริษัทสินเชื่อทั่ง 2 ราย ด้วยการให้อำนาจกระทรวงเข้าซื้อหุ้นบริษัท แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดปล่อยกู้เพื่อการจำนอง 12 ล้านล้านดอลลาร์ โดยทั้งสองบริษัทมีตัวเลขขาดทุนที่สูงกว่าการคาดการณ์ถึง 3 เท่า ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่า พอลสันจะต้องลงมือช่วยเหลือทั้งสองบริษัทไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
พอลสันกล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากธุรกิจของทั้งสองบริษัทที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว และการปรับฐานในตลาดที่อยู่อาศัยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับผมที่จะได้เห็นตัวเลขขาดทุนดังกล่าว
ที่ผ่านมา พอลสัน อดีตประธานโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป ได้กล่าวให้สัมภาษณ์เรื่องการทำหน้าที่ในสมัยต่อไปด้วยว่า เขาจะไม่ทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอีก ไม่ว่าใครจะได้ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ก็ตาม โดยจะทำหน้าที่จนหมดวาระ และจะทำงานในช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจให้เกิดความราบรื่น รวมทั้งประสานงานกับผู้ที่จะมาทำหน้าที่สืบต่อจากตนเองอย่างใกล้ชิด
รมว.คลังกล่าวต่อไปว่า ปัญหาทางการเงินของเฟรดดีและแฟนนีนั้นตอกย้ำถึงมุมมองที่ว่า วิกฤตตลาดที่อยู่อาศัยยังคงเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงที่สุดต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่เชื่อว่าสิ้นปีนี้ปัญหาบ้านโดยรวมจะคลี่คลายลง
ราคาบ้านในเขตปริมณฑล 20 เขตของสหรัฐช่วงเดือนพ.ค.ตกลง 15.8% จากระดับปีที่แล้ว ส่วนการยื่นเรื่องขอยึดทรัพย์ในไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 121% จากระดับปีที่แล้ว บลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--