เนสท์เล่ (Nestle SA) บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลกจากสวิสเซอร์แลนด์และเคลล็อกก์ (Kellogg Co.) ผู้ผลิตซีเรียล สัญชาติสหรัฐยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาอาหารให้สูงขึ้นทันตามราคาธัญพืช ผลิตภัณฑ์นม และเนื้อสัตว์ที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้
เนสท์เล่เปิดเผยว่า ผลกำไรครึ่งปีแรกขยายตัวช้าที่สุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 5.9% เนื่องจากราคาเมล็ดกาแฟและโกโก้ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่บริษัทเคลล็อกก์เปิดเผยว่ารายได้สุทธิประจำไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 3.7% เพราะได้บผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้า
อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวโพดที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตซีเรียลของเคลล็อกก์และเนสท์เล่ร่วงลง 35% จากระดับสูงสุดที่ 7.9925 ดอลลาร์ต่อบุชเชลในวันที่ 27 มิ.ย. แต่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นกว่า 50% จากปีก่อนหน้านี้
จอห์น ไบรแอนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเคลล็อกก์กล่าวว่า ส่วนต่างผลกำไรโดยรวมของบริษัทปรับตัวลดลง 2.5% ในไตรมาสที่สอง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
"ผู้ประกอบการในธุรกิจอาหารกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก" สตีเฟ่น โป๊ป นักวิเคราะห์จาก Cantor Fitzgerald กล่าว "หากบริษัทขึ้นราคาสินค้าสูงเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อยอดขาย เนื่องจากผู้บริโภคจะหันไปซื้อสินค้าแบรนด์อื่นๆแทน แต่หากบริษัทไม่ขึ้นราคาสินค้า ส่วนต่างผลกำไรก็จะลดลง"
ด้านจิม ซิงห์ ซีอีโอของเนสท์เล่กล่าวว่า ผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนไปหาซื้อสินค้าที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งทำให้ยอดขายอาหารแบรนด์ Stouffer ของเนสท์เล่ในสหรัฐปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาสที่สอง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--