นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลประมาณ 3.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นสต๊อกข้าวเก่า 2.1 ล้านตัน และข้าวใหม่จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 51 อีก 1.5 ล้านตัน จะเป็นการขายตรงให้ผู้ส่งออกในราคาที่รัฐบาลกำหนดแทนการเปิดประมูล
ทั้งนี้เชื่อว่าจะปราศจากข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใสหรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะ เพราะการตัดสินใตว่าจะขายให้ผู้ส่งออกหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารจัดการข้าวครบวงจรที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ไม่ได้อยู่ที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อเตรียมเงินและสถานที่เก็บข้าวสำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 51/52 ที่คาดจะเริ่มโครงการได้ราวเดือน พ.ย.นี้ โดยคาดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าไม่ต่ำกว่าตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิประมาณตันละ 19,000 บาท
"ยืนยันว่าการขายให้ผู้ส่งออกที่มีออร์เดอร์จากต่างประเทศโดยตรงจะดีกว่าเปิดประมูล เพราะการเปิดประมูล ผู้ส่งออกอาจฮั้วราคาประมูลด้วยการเสนอในราคาต่ำได้ หรือเสนอเงื่อนไขไม่ตรงตามที่กำหนดก็จะต้องล้มประมูลและทำให้เสียเวลา แต่การขายตรงนั้น ผู้ส่งออกรายใดจะซื้อก็ติดต่อเข้ามาได้ที่นายกฯ หรือที่ผม ใครมีกำลังซื้อเท่าไรก็ซื้อไป รายย่อยก็มีสิทธิ์ซื้อได้ และตั้งใจว่าจะเปิดขายให้หมดภายในเดือน ก.ย.นี้ ก่อนข้าวนาปีจะออก" นายไชยา กล่าว
สำหรับผู้ส่งออกที่มีสิทธิขอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลจะต้องมีออร์เดอร์จากต่างประเทศมาแสดง เพื่อป้องกันปัญหาเวียนเทียนข้าวภายในจนทำให้ราคาตกต่ำ โดยต้องซื้อทั้งข้าวเก่าและข้าวใหม่ในสัดส่วนข้าวเก่า 2 ส่วน ข้าวใหม่ 5 ส่วน และต้องซื้อไม่ต่ำกว่าราคาที่รัฐกำหนด โดยอาจจะกำหนดที่ตันละ 14,500 บาทสำหรับข้าวใหม่ ส่วนข้าวเก่ากำลังให้กรมการค้าภายในทำต้นทุนอยู่ ซึ่งต้องขายในราคาที่รัฐไม่ขาดทุน แต่ต้องหักค่าเสื่อมสภาพปีละ 10 เหรียญสหรัฐ/ตัน และค่าขนส่งให้ผู้ซื้อด้วย
อย่างไรก็ดีสำหรับข้าวเก่าในสต๊อกนั้น รัฐรับจำนำมาตั้งแต่ปี 47-50 โดยมีราคารับจำนำที่ตันละ 6,900-9,300 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ผู้ส่งออกรายใดที่เสนอซื้อข้าวในสต๊อก รัฐบาลจะให้ออร์เดอร์ข้าวรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ไปทำตลาดเองด้วย โดยขณะนี้มีออร์เดอร์จีทูจีประมาณ 6-7 แสนตัน
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--