สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ (15 ส.ค.) โดยเงินดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนจากการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนที่ทรุดตัวลงในช่วงไตรมาสที่สอง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐพุ่งสูงขึ้นในเดือนก.ค.
โดยในเดือนนี้เงินดอลลาร์ทะยานแข็งค่าขึ้นไปแล้วกว่า 5% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร จากอานิสงส์ของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงรวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจในยุโรปและเอเชียที่อ่อนแอ
เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเฉพาะสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง เช่น เงินดอลลาร์ออสเตรเลียและเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางของทั้งสองประเทศจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ขยับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยนโดยในเช้าวันนี้ เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 109.66 เยนต่อดอลลาร์ และยังทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 1.4761 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงเช้าของการซื้อขาย ซึ่งร่วงลง 0.3% จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้ หลังจากที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนหดตัวลง 0.2% ในไตรมาสสองของปีนี้ซึ่งทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจยุโรปอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษและญี่ปุ่น
นักลงทุนรายย่อยของญี่ปุ่นได้กระหน่ำเทขายเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีส่วนทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในกรอบจำกัดเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน
"เงินเยนยังได้รับปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่ง สวนทางกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่อ่อนไหวต่อข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงลบ ขณะที่เงินยูโรเริ่มมีความกดดันจากแรงเทขายมากขึ้นเรื่อยๆ" เทรดเดอร์จากรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--