ยอดค้าปลีกของนิวซีแลนด์ประจำไตรมาสสองของปีนี้ดิ่งร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 13 ปี จากผลกระทบของราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งบีบคั้นให้ผู้บริโภคต้องลดการจับจ่ายใช้สอยลง
สำนักงานสถิตินิวซีแลนด์เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกประจำไตรมาสที่สองดิ่งร่วงลง 1.5% จากไตรมาสแรกที่ลดลง 1.2% ขณะที่นักวิเคราะห์ 12 รายจากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะทรุดตัวลง 1.8%
ตัวเลขค้าปลีกรายไตรมาสร่วงลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า เศรษฐกิจนิวซีแลนด์เข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทั้งนี้ นายอลัน บอลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีเมื่อเดือนก.ค. และส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย
"ผู้บริโภคไม่ค่อยเต็มใจที่จะใช้จ่ายเงินมากนัก" คอห์น โกห์ นักวิเคราะห์จาก ANZ National Bank Ltd.กล่าว "ยอดค้าปลีกนิวซีแลนด์ซบเซาและมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบเลวร้ายต่อตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสที่สอง"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หลังจากที่ทางการรายงานยอดค้าปลีกนั้น เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์เคลื่อนไหวแตะที่ระดับ 69.98 ต่อเซนต์สหรัฐจากระดับ 69.76 ต่อเซนต์สหรัฐ โดยในปีนี้เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงเกือบ 10% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์
ด้านกระทรวงการคลังระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอตัวและภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจกดดันให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--