นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าดัชนีจะทะยานขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลง และหลังจากมีรายงานว่าเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการนำสกุลเงินยูโรมาใช้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และหลังจากเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรปรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของเยอรมนี ชะลอตัวลง 0.5% ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปี และเป็นสถิติที่หดตัวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 5 ปี
แมทธิว สตรอส นักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านสกุลเงินจากบริษัทอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ในเมืองโตรอนโต กล่าวว่า "ดอลลาร์สหรัฐกลับมาผงาดขึ้นอีกครั้ง ผมเชื่อว่าดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป"
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยอิสระของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 51.9 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 51.0 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลงแตะระดับ 50 จุด
ลิน ฟรังค์โก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด กล่าวว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาดีเกินคาดในเดือนก.ค.สะท้อนให้เห็นว่า ชาวอเมริกันยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ เมื่อผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจก็จะช่วยให้อัตราการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ เพราะตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--