ชาร์ลส์ อีแวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวในวันนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความเสี่ยงที่รุนแรงขึ้นนับตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการเฟดในเดือนมิ.ย. ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เขาเชื่อว่าการที่เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาขยายตัวและอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง"เท่าระดับเดิม" นั้น อาจต้องใช้เวลาจนถึงปีพ.ศ.2553
"คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดระบุในการประชุมเดือนมิ.ย.ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีจะขยายตัวดีเกินคาดในปีพ.ศ.2551 และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวช้าลงในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า แต่นับตั้งแต่คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ในครั้งนี้ ผมกลับคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญช่วงขาลงและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ" อีแวนส์กล่าวในที่ประชุมที่รัฐอิลลินอยส์วันนี้
อีแวนส์กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะผลกระทบด้านบวกจากมาตรการลดหย่อนภาษีลดน้อยลง นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐยังคงได้รับแรงกดดันจากอัตราการอุปโภคบริโภคและอัตราการผลิตที่ชะลอตัวลง ปัญหาสินเชื่อตึงตัวในตลาดการเงิน ตัวเลขจ้างงานที่ทรุดตัวลง และตลาดที่อยู่อาศัยตกต่ำลง สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐต้องใช้เวลายาวนานถึงปีพ.ศ.2553 จึงจะกลับมาขยายตัวได้ในระดับเดิม"
"เงินเฟ้อคงอยู่ในระดับสูง และคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงแตะระดับ 2% ได้ก็ต้องใช้เวลานานถึงปีพ.ศ.2553 ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พื้นฐานที่ระดับ 2.3%ต่อปี นับว่าสูงเกินไป และเป็นเรื่องที่เฟดต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด" อีแวนส์กล่าว สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--