นักเศรษฐศาสตร์คาดยอดการสร้างบ้านใหม่ในสหรัฐเดือนก.ค.ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 17 ปี

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 19, 2008 12:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ยอดการสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือนก.ค. 2551 จะร่วงลงมากที่สุดในรอบ 17 ปี ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ว่าวิกฤตของตลาดที่อยู่อาศัยจะยังคงส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 
นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดว่า ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่เดือนก.ค.ร่วงลง 9.9% แตะระดับ 960,000 หลังต่อปี จากเดือนมิ.ย.ที่ 1.066 ล้านหลัง และราคาขายส่งอาจจะขยายตัวขึ้นในระดับที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. ขณะที่ยอดการใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงพุ่งแตะระดับสูงสุด
กฎการปล่อยกู้ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ตกลง และอัตราการยึดการจำนองที่สูงเป็นประวัติการณ์จะยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าน และทำให้กลุ่มผู้สร้างบ้านยังคงชะลอการลงทุนและลดการใช้จ่าย ส่วนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัย การจ้างงานที่ลดลง และวิกฤตสินเชื่อส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
ไบรอัน เบทูน นักเศรษฐศาสตร์ของโกลบอล อินไซท์ อิงค์ กล่าวว่า อุปทานที่อยู่อาศัยยังคงลดลงเมื่อพิจารณาจากจำนวนบ้านคงค้างที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบด้านลบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการสร้างบ้านใหม่เวลา 8.30 น.ตามเวลาในวอชิงตัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ