ฝ่ายวิชาการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์) คาดว่ายอดส่งออกของไทยในปี 2551 มีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวได้เกิน 20% สูงกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 12.5% หลังผ่านวิกฤติไปได้ในครึ่งปีแรกทั้งที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจากภาวะเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มซบเซาลง และราคาน้ำมันและต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นจนกระทบการส่งออก แต่การส่งออกยังขยายตัวถึง 23.1% คิดเป็นมูลค่า 87,212.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยที่เอื้อต่อการส่งออก คือ ราคาสินค้าเกษตรปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะข้าวที่ตลาดเป็นของผู้ขาย และการแข่งขันประเทศคู่แข่ง คือ จีน เริ่มแผ่วลง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าสูงสุดรอบ 10 ปีเมื่อช่วงต้นปีมีทิศทางอ่อนค่าลงตั้งแต่เดือน มี.ค.ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออก
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกจำนวนมากมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับระเบียบการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที ขยายการส่งออกไปตลาดใหม่ ๆ ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าส่งออกได้มากขึ้น และไม่รวมบริษัทข้ามชาติที่มีฐานการผลิตในไทยที่ช่วยเชื่อมโยงภาคการส่งออก
เอ็กซิมแบงก์ มองแนวโน้มการส่งออกปี 52 ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญทั้งเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเปราะบาง โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ที่ยังมีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมกับเงินเฟ้อที่รุนแรง ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกอาจจะเริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปีหน้า
ขณะที่ค่าเงินบาทที่เคยอ่อนค่าในช่วงปีนี้ อาจมีโอกาสกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ตามการทรุดตัวของเศรษฐกิจโลกและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มว่าจะไม่สูงมากนัก พร้อมเสนอแนะผู้ส่งออกไทยอย่าชะล่าใจกับยอดส่งออกที่สูงเกิดคาดในปีนี้ ควรต้องเร่งพัฒนาการผลิตให้ได้มาตรฐาน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งการขยายตลาดใหม่ให้ได้อย่างต่อเนื่อง
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--