นายเคนเนธ โรจอฟฟ์ อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ธนาคารใหญ่ของสหรัฐแห่งหนึ่งอาจจะล้มละลายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ขณะที่วิกฤตสินเชื่อทั่วโลกจะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดไฟแนนซ์
โรจอฟฟ์กล่าวว่า สหรัฐยังไม่ได้เผชิญกับจุดต่ำสุด ภาคธุรกิจการเงินจะต้องหดตัวลง โดยจะมีการปรับฐานมากขึ้นแม้กระทั่งในกลุ่มวาณิชธนกิจขนาดใหญ่ บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างสำนักข่าวรอยเตอร์
วิกฤตที่อยู่อาศัยในสหรัฐเมื่อปีที่แล้วทำให้ตลาดสินเชื่อร่วงลงและส่งผลลุกลามไปยังเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อสหรัฐและยุโรป สถาบันการเงินทั่วโลกก็ขาดทุนไปประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์จากการขาดทุนในธุรกิจสินเชื่อนับตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว
แบร์ สเติร์นส์ บล.รายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐล้มละลายเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และขายกิจการให้กับเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค มูลค่า 10 ดอลลาร์ต่อหุ้น
โรจอฟฟ์ กล่าวว่า ธุรกิจแบงค์ก็เหมือนกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่ซบเซา เรากำลังจะได้เห็นยักษ์ใหญ่ต้องออกจากวงการไป แต่ไม่ได้ระบุชื่อธนาคารที่คาดว่าจะล้ม ดังนั้น หนทางเดียวที่จะปรับปรุงระบบการธนาคารได้ก็คือเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วม ธุรกิจธนาคารไม่ควรจะมีแต่การทำกำไรและได้รับการช่วยเหลือเท่านั้น
นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐได้ขอสภาคองเกรสให้อำนาจฉุกเฉินแก่ธนาคาร เพื่ออัดฉีดเงินทุนช่วยเหลือแฟนนี เม และเฟรดดี แมค หากตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--