นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาทจากธนาคารกรุงไทยต่อไปอีก 1 ปีจนถึงวันที่ 29 มี.ค.52 โดยมีกระทรวงการคลัง เป็นผู้ค้ำประกัน
การต่ออายุสัญญาเงินกู้ดังกล่าวฯ เนื่องจาก รฟท.ประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 50 ขาดทุน 9,307 ล้านบาท และมีหนี้สะสมกว่า 51,000 ล้านบาท รฟท.จึงได้จัดทำแผนปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ซึ่ง ครม.ได้มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 24 ก.ค.50
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ(กนร.) เมื่อวันที่ 26 พ.ค.51 เห็นชอบกับแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครงสร้าง โดยคาดว่าจากงบประมาณทำการประจำปี 51 รฟท.จะมีประมาณการรายได้ 9,292 ล้านบาท รายจ่าย 11,863 ล้านบาท และมีผลประกอบการเบื้องต้นขาดทุน 2,571 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ(บำเหน็จบำนาญ ค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยจ่าย และค่าใช้จ่ายเงินกู้) อีกจำนวน 7,645 ล้านบาท จะทำให้มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิจากการดำเนินการ 10,216 ล้านบาท
"รฟท.จึงจำเป็นที่ต้องมีวงเงินกู้ 800 ล้านบาท ไว้สำหรับเป็นเงินสดสำรองใช้กรณีที่ รฟท.ประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียนในช่วงใดช่วงหนึ่งเพื่อมิให้การดำเนินการของ รฟท.กระทบกระเทือนหรือหยุดชะงัก"แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ รวมทั้งสำนักงานประมาณ เห็นด้วยกับการต่ออายุสัญญาและเห็นควรให้ รฟท.ดำเนินการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลขาดทุน และปรับปรุงสัดส่วนและคุณภาพในการให้บริการของขบวนรถขนส่งสินค้าและผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ และผู้โดยสารเชิงสังคมเพื่อใช้จัดทำแผนธุรกิจระยะยาว โดยเฉพาะเร่งจัดหาหัวจักรและรถโบกี้ตามที่ ครม.เห็นชอบไปแล้ว รวมทั้งการบริหารจัดการขนส่งสายลาดกระบัง-แหลมฉบัง เส้นทางบึงพระ-แหลมฉบัง ซึ่งจะทำรายได้ให้กับ รฟท.
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--