เฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐแสดงความเห็นว่า การที่รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้ค่าเงินหยวนเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนสมดุล อีกทั้งจะส่งผลกระทบในด้านบวกต่อยอดขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
"สำหรับผมแล้ว เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่จีนควรจะปรับขึ้นค่าเงินหยวนและผลักดันเงินหยวนให้เคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดก็เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยให้จีนไปถึงเป้าหมายการปฏิรูปค่าเงินหยวนและการปฏิรูปเศรษฐกิจ การที่ค่าเงินหยวนแข็งขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่แล้ว ได้ส่งผลกระทบต่อดุลการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ" พอลสันกล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันนี้
พอลสันกล่าวว่า "ปัจจัยสำคัญอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อการค้าก็คือ จีนมีอัตราการออมที่สูงขึ้น ขณะที่สหรัฐมีอัตราการออมที่น้อยลง จึงทำให้สหรัฐต้องนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น และโครงสร้างเศรษฐกิจของจีนที่ต้องพึ่งพากรผลิตต้นทุนต่ำและการส่งออก ผมเชื่อว่าการที่จีนผลักดันให้เงินหยวนเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดจะช่วยให้จีนสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆภายในประเทศได้ดี อาทิ ตัวเลขเงินเฟ้อ อีกทั้งจะช่วยกระตุ้นความต้องการภายในประเทศและพึ่งพาการส่งออกน้อยลงด้วย"
นอกจากนี้ พอลสันกล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปัจจุบันจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก ในทางกลับกันหากเศรษฐกิจจีนทรุดตัวลงจะถ่วงเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลงด้วย
"สำหรับจีนแล้ว สิ่งที่น่ากังวลใจควรจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัวมากกว่า เพราะหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวก็จะทำให้เศรษฐกิจโลกและสหรัฐทรุดตัวลงด้วย ที่ผ่านมานั้นสหรัฐผลักดันให้จีนเปิดเศรษฐกิจและปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง" เขากล่าว
ส่วนการประชุม U.S.-China Strategic Economic Dialogue ครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในเดือนธ.ค.นั้น พอลสันกล่าวว่า ที่ประชุมจะมุ่งเน้นเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนธิสัญญาการลงทุนระดับทวิภาคี โดยเขาคาดหวังว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีคนใหม่ที่จะมาแทนประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช จะยังคงสานต่อการประชุมดังกล่าวต่อไป สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--