ฟิลิปปินส์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2551 เป็นครั้งที่สองในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการบริโภค และเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลต้องเพิ่มการใช้จ่ายเงินอุดหนุนด้านอาหารและเชื้อเพลิงให้กับกลุ่มประชากรที่ยากจน
ออกัสตู ซานโตส ปลัดกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจกล่าวว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) อาจขยายตัวในกรอบ 5.5% - 6.4% ในปีนี้ จากตัวเลขคาดการณ์สูงสุดในก่อนหน้านี้ที่ระดับ 6.6%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์และค่าเงินเปโซดิ่งร่วงลงจากกระแสความวิตกกังวลว่า รัฐบาลอาจเพิ่มเงินอุดหนุนเป็นรอบที่ 3 ให้กับชาวฟิลิปปินส์ 96 ล้านคนที่มีรายได้ไม่ถึง 1 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งนโยบายดังกล่าวทำให้ยอดขาดดุลบัญชีของฟิลิปปินส์ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ถีบตัวขึ้น 62% ในปีที่ผ่านมาได้เป็นต้นเหตุที่กระตุ้นให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปีในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลงอย่างหนักจากอุปสงค์ในสหรัฐที่ลดลง
ด้านประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย่ ของฟิลิปปินส์ได้ให้คำมั่นเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาว่าจะกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มเงินอุดหนุนข้าวและสินค้าอื่นๆมากขึ้น โดยลดความสำคัญของแผนการกำหนดงบประมาณสมดุลในปีนี้ ขณะที่เตเวสกล่าวว่า รัฐบาลอาจมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณปี 2551 อยู่ในระดับ 4.0-7.5 หมื่นล้านเปโซ
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงอันเป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตการณ์เลวร้ายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ชิพคอมพิวเตอร์ของบริษัทอินเทลคอร์ปที่ผลิตในเอเชีย ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ยังทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกจับจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าต่างๆกันน้อยลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--