ยอดส่งออกของญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นในเดือนก.ค.จากอานิสงส์ของยอดส่งออกไปประเทศจีนที่เพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นแซงหน้าสหรัฐ
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่ายอดส่งออกเดือนก.ค.ดีดตัวขึ้น 8.1% จากปีที่แล้ว หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2546 ในเดือนมิ.ย. โดยยอดส่งออกไปยังประเทศจีนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 16.8% ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกไปจีนพุ่งขึ้นแซงหน้าสหรัฐเป็นครั้งแรก
รายงานตัวเลขส่งออกในวันนี้อาจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะบรรเทาความวิตกกังวลที่ว่าภาวะอุปสงค์ทั่วโลกที่ซบเซาจะฉุดรั้งให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะซบเซาเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีโดยอ้างถึงการส่งออกที่อ่อนแอขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น
"ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นมิได้หมายความว่าเศรษฐกิจจะแข็งแกร่งเสมอไป" จุนโกะ นิชิโอกะ นักวิเคราะห์จากอาร์บีเอส ซีเคียวริตี้ เจแปน จำกัด ในโตเกียวกล่าว "ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้แค่ว่าการส่งออกจะเริ่มชะลอตัวลงเรื่อยๆมากกว่าที่จะไต่ระดับขึ้น เนื่องจากอุปสงค์สินค้าจากเอเชียและยุโรปชะลอตัวลง"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09.20 น. ตามเวลาในกรุงโตเกียว เงินเยนเคลื่อนไหวที่ระดับ 109.61 ต่อดอลลาร์จากระดับ 109.75 ต่อดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์ 18 คนจากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่ายอดส่งออกจะเพิ่มขึ้น 5.3%
ทั้งนี้ ยอดส่งออกไปเอเชียขยายตัวขึ้น 12.7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ที่ระดับ 11.5% ส่วนการส่งออกไปยุโรปเพิ่มขึ้น 4.1% ซึ่งถือเป็นสถิติการไต่ระดับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--