เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรสกุลเงินสหรัฐที่พุ่งทะยานขึ้นในเดือนนี้
ขณะเดียวกัน ตลาดยังมีกระแสความวิตกกังวลต่อความเคลื่อนไหวที่ว่าแฟนนี เม และเฟรดดี้ แมค ผู้ปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐทั้งสองแห่งนี้อาจสร้างความเสี่ยงต่อตลาดการเงิน
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.2% จากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ระดับ 110.67 เยนต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาอยู่ที่ 109.67 เยนต่อดอลลาร์
ขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.2% แตะที่ 1.4778 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยเงินยูโรกระเตื้องขึ้นมาคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ 1.4630 ดอลลาร์ต่อยูโร และแข็งค่าขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 162.14 เยนต่อยูโร
อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์อยู่ในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนมองว่าภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
โดยในเดือนนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายสกุลเงินยูโรออกมาเป็นจำนวนมากและหลั่งไหลเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงเช่นเดียวกับทองคำและเงินจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อและภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในสหรัฐ
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์มิตซูบิชิ ยูเอฟเจกล่าวว่า "ขณะนี้ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรา"
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 116 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่รัสเซียออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวตอบโต้ข้อตกลงการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธระหว่างสหรัฐกับโปแลนด์ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในตลาดโลก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--