กระทรวงคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือนก.ค.ดิ่งลง 86.6% แตะระดับ 9.115 หมื่นล้านเยน (830.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.251 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆที่พุ่งสูงขึ้นมีส่วนกระตุ้นมูลค่าการนำเข้า ขณะที่การส่งออกในเดือนดีดตัวขึ้นจากอานิสงส์ของยอดการส่งสินค้าไปยังเอเชียและสหภาพยุโรปที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง
แม้ยอดส่งออกจะดีดตัวขึ้นแข็งแกร่ง แต่ข้อมูลดังกล่าวยังไม่สามารถลดกระแสคาดการณ์ที่มีต่อภาวะการส่งออกที่ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในยามที่อุปสงค์สินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่นชะลอตัวลงอันเป็นผลสืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในต่างประเทศ
"แม้ยอดส่งออกจะดีดตัวขึ้นในเดือนที่ผ่านมา แต่ยังเป็นเรื่องยากที่จะฟันธงได้ว่ายอดส่งออกจะแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจเพียงเดือนเดียว" เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังระบุ
ทัตซึชิ ชิกาโนะ นักวิเคราะห์จากมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ซีเคียวริตี้กล่าวว่า "ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าการส่งออกซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มว่าจะยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของเศรษฐกิจสหรัฐที่อยู่ในภาวะขาลงซึ่งได้ลุกลามขยายวงกว้างไปยังสหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆ"
"สืบเนื่องจากภาวะราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดหลังจากที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอาจมีผลทำให้การขยายตัวด้านการส่งออกไปยังประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติปรับตัวลดลง"
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ยอดส่งออกพุ่งขึ้น 8.1% แตะที่ 7.63 ล้านล้านเยน โดยปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนที่ระดับ 7.4% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ปริมาณการส่งออกดิ่งลง 1.4% ซึ่งเป็นสถิติการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--