นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การขอคืนเงินที่ถูกอายัดในบัญชีทรัพย์สินของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวอดีตนายกรัฐมนตรี ในกรณีการหลบเลี่ยงการเสียภาษีซื้อขายหุ้นบมจ.ชินคอร์เปอเรชั่น(SHIN) ไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงการคลัง ปัญหาขณะนี้อยู่ที่ว่าใครมีอำนาจดำเนินการในการอายัดบัญชีทรัพย์สิน และใครมีอำนาจถอนการอายัด
"ยกตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ผู้บริหาร ธปท.คุณเกริก เคยพูดว่าการอายัดบัญชีทรัพย์สินในแบงก์พาณิชย์ แบงก์ก็ไม่เคยมารายงาน ธปท.ทราบ ดังนั้นในการถอนการอายัด ก็ไม่มีการรายงานเช่นกัน"นพ.สุรพงษ์ กลาว
อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงษ์ ไม่ได้ตอบคำถามชัดเจนว่า เป็นผู้สั่งการให้กรมสรรพากรยื่นเรื่องให้ธนาคารพาณิชย์คืนเงินที่อายัดในบัญชีของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา วงเงิน 12,000 ล้านบาทกลับมาให้กรมสรรพากรหรือไม่
ขณะที่แหล่งข่าวจากกรมสรรพากร กล่าวยอมรับว่า กรมได้รับคำสั่งจากนพ.สุรพงษ์ ให้ดำเนินการเรื่องการขอคืนเงินในบัญชีที่ถูกอายัดไว้ของนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา แต่ในการประชุมของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรวันนี้พิจารณาลงมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ให้ทำจดหมายไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เพื่อสอบถามเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในประเด็นดังกล่าว
"ไม่รู้ว่าจดหมายที่กรมสรรพากรจะส่งไปถาม ป.ป.ช.จะออกมาในรูปไหน แต่เชื่อว่าคงไม่ทันวันจันทร์นี้ (25 ส.ค.)ที่อัยการสูงสุดจะยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขออายัดทรัพย์สินอดีตนายกรัฐมนตรี 76,000 ล้านบาทจากพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ"แหล่งข่าวกรมสรรพากร กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า สำหรับการเรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา รวมทั้งค่าปรับจากการหลบเลี่ยงภาษีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป หากทรัพย์สินถูกยึดไปแล้ว กรมสรรพากรคงต้องไปสืบหาทรัพย์สินอื่นที่เหลืออยู่ เพื่อประเมินราคาชำระภาษีพร้อมค่าปรับเงินเพิ่มต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--