นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่าการประชุม คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะประชุมนัดแรกในวันพุธที่ 27 ส.ค.นี้ เพื่อประเมินภาพรวมเศรฐกิจในช่วง 4 เดือนที่เหลือและหาแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้
โดยจะเป็นมาตรการดูแลเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาว เพราะขณะนี้ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยแม้ว่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงส่งผลดีต่อการส่งออก แต่เห็นว่าการส่งออกในช่วงปลายปีได้มีการสั่งซื้อสินค้ากันหมดแล้ว และเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงหลายด้านโดยเฉพาะปัญหาซับไพร์มของสหรัฐ จนทำให้เงินทุนจากตะวันตกเริ่มไหลกลับไปยังสหรัฐ เพื่อใช้เยียวยาสถาบันการเงิน และช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐได้เข้าช่วยเหลือสถาบันการเงินหลายแห่ง หากไม่เข้าช่วยน่าจะมีปัญหามากกว่านี้
ดังนั้น จึงต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจัยภายนอกให้มาก สำหรับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้จะเป็นแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องจาก 6 มาตรการ 6 เดือน ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อปูพื้นฐานต่อในปีต่อไป และมาตรการต่างๆ ที่ออกมาแต่ละด้านจะเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ด้านของปัญหา รวมถึงการลงทุนขนาดใหญ่ต้องเร่งดำเนินการเพราะล่าช้ามา 2 ปีแล้ว
และหลังจากตัวเลขการส่งออกได้เริ่มดีขึ้น สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังมั่นใจว่า การส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 20 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 7 จีดีพีขยายตัวประมาณร้อยละ 5.5
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--