ครม.เตรียมไฟเขียว รฟท. กู้เงิน 4.27 พันลบ.หลังต่ออายุเงินกู้ 800 ลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 25, 2008 08:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 26 ส.ค.นี้ นายสหัส บัณฑิตสกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับกระทรวงคมนาคม จะนำเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินระยะยาวจำนวน 4,274 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้ค้ำประกันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานและชำระเงินกู้ เพื่อดำเนินกิจการและจ่ายชำระภาระหนี้ 
ทั้งนี้เนื่องจาก รฟท.ได้ประมาณการงบประมาณ ปี 2551 จากผลการดำเนินงานจริง 5 เดือน ของปีงบประมาณ คาดว่าจะทำให้งบประมาณทำการเปลี่ยนแปลงได้จากเดิมโดยประมาณรายได้ลดลง 759 ล้านบาท จาก 9,292 ล้านบาท เป็น 8,533 ล้านบาท และรายจ่ายลดลง 644 ล้านบาท จาก 19,508 ล้านบาท เป็น 18,864 ล้านบาท จึงคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานขาดทุนเพิ่มขึ้น จาก 10,216 ล้านบาท เป็น 10,331 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 115 ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลัง เห็นควรให้ รฟท. เร่งจัดทำแผนการดำเนินงานและกรอบระยะเวลาในการดำเนินการแก้ไขปัญหาองค์กร โดยเฉพาะจัดตั้งบริษัท ลูก 2 บริษัท คือ บริษัท เดินรถ และ บริษัท บริหารทรัพย์สิน ส่วนโครงสร้างพื้นฐาน และ ระบบอาณัติสัญญาณ ให้คงอยู่กับ รฟท.
อย่างไรก็ตามให้ รฟท. จัดทำประมาณการทางการเงินที่ประกอบด้วยข้อมูล ภาระงบประมาณที่ภาครัฐจะต้องจัดสรรชำระหนี้ เงินอุดหนุน การลงทุนเพิ่มให้แก่ รฟท. ในแต่ละปีเพื่อใช้ในการฟื้นฟูกิจการให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งประมาณการผลการดำเนินงานและนำเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) และ ครม.ต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นในการประชุม ครม.เมือวันที่ 19 ส.ค ที่ผ่านมา ครม.ได้เห็นชอบให้รฟท.ต่ออายุ สัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก 1 ปีจนถึงวันที่ 29 มี.ค.2552 โดยมีกระทรวงการคลัง เป็นผู้ค้ำประกัน เนื่องจาก รฟท.ประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 ขาดทุน 9,307 ล้านบาท และมีหนี้สะสมกว่า 51,000 ล้านบาท รฟท.จึงได้จัดทำแผนปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท.
โดย รฟท.จำเป็นที่ต้องมีวงเงินกู้ 800 ล้านบาท ไว้สำหรับเป็นเงินสดสำรองใช้กรณีที่ รฟท.ประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียนในช่วงใดช่วงหนึ่งเพื่อมิให้การดำเนินการของ รฟท.กระทบกระเทือนหรือหยุดชะงัก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ