นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านในสหรัฐอาจร่วงเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยมูลค่าบ้านที่ลดลง และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง ส่งสัญญาณให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจย่ำแย่ลงอีก
โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กประมาณการณ์ว่า ผู้บริโภคในสหรัฐน่าจะทำการซื้อบ้านมือหนึ่งและมือสองราว 5.435 ล้านหลังในเดือนก.ค. หรือเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปีที่ 5.39 ล้านหลังในเดือนมิ.ย. ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคอาจขยายตัว 0.3% ในเดือนก.ค. หรือเพียงครึ่งหนึ่งของการขยายตัวในเดือนมิ.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังถดถอยไปจนถึงปีหน้า ในขณะที่ราคาบ้านก็ปรับลดลง ส่วนค่าแรงก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งเป็นกลไลหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจลดลง ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวในที่สุด
"แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐค่อนข้างมืดมน" แม็กซ์เวลล์ คลาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก IDEAGlobal Inc. ในนิวยอร์ก กล่าว "ตลาดอสังหาริมทรัพย์คงไม่ฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ผู้บริโภคก็ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง การใช้จ่ายผู้บริโภคจึงซบเซาอย่างหนัก"
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดซื้อบ้านมือหนึ่งน่าจะลดลงราว 0.9% เหลือ 525,000 ยูนิต ส่วนยอดซื้อบ้านมือสองคาดว่าจะขยับขึ้น 1% เป็น 4.91 ล้านยูนิต โดยกระทรวงพาณิชย์และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ส.ค.นี้ สำนักบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--