ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์ในเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการอังกฤษเปิดเผยว่า เศรษฐกิจในประเทศย่ำฐานทรงตัวในไตรมาสที่สอง ซึ่งเป็นระดับที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี 2535 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.1% แตะที่ 110.21 เยนต่อดอลลาร์ โดยเทรดเดอร์กำลังจับตาดูว่า เงินดอลลาร์จะเคลื่อนตัวขึ้นเหนือระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 110.67 เยนต่อดอลลาร์ได้หรือไม่
ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงต่ำสุดแตะที่ 1.8415 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.ค.2549 ซึ่งการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงนี้ยังได้ฉุดรั้งให้เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.5% ไปอยู่ที่ระดับ 1.4725 ดอลลาร์ต่อยูโร
ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั่วโลก ประกอบกับแนวโน้มที่ว่าธนาคากลางประเทศต่างๆจะปรับลดดอกเบี้ยนั้น ได้มีส่วนช่วยให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น แต่เทรดเดอร์ยังไม่มั่นใจว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าได้นานแค่ไหนเนื่องจากพวกเขายังมีความวิตกกังวลต่อตลาดเงินของสหรัฐ
นอกจากนี้ เทรดเดอร์จะยังจับตารายงานข้อมูลในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งยอดขายบ้านมือสองและบ้านใหม่ และผลสำรวจราคาบ้านจากเนชั่นไวด์ซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ และจะจับตาความเคลื่อนไหวของเงินปอนด์และราคาน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าต่อไปได้
"ตลาดมีกระแสความวิตกกังวลก่อนหน้าที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลในตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งภาวะดังกล่าวจะทำให้เงินดอลลาร์พุ่งขึ้นในกรอบที่จำกัด อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเทขายเงินดอลลาร์ออกมา" ดีลเลอร์กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--