นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐอาจทรงตัวในเดือนก.ค. หลังต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงและยอดขายที่ลดลงกดดันให้ภาคเอกชนต้องลดการใช้จ่ายลง
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 76 ท่านซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะไม่มีการขยายตัวในเดือนก.ค. หลังจากที่ขยายตัว 0.8% ในเดือนมิ.ย. และหากไม่นับรวมยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ด้านการขนส่ง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะหดตัวลงมากที่สุดในรอบ 5 เดือน
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและมาตรการควบคุมการปล่อยกู้ที่เข้มงวดจะยิ่งส่งผลเสียต่อยอดสั่งซื้อสินค้าในช่วงอีกหลายเดือนต่อจากนี้ นอกจากนั้นเศรษฐกิจต่างประเทศที่ซบเซาทำให้ภาคเอกชนของสหรัฐไม่สามารถหวังพึ่งกำไรจากการส่งออกได้
"อุปสงค์ในประเทศที่คาดว่าจะร่วงลงอย่างหนักในช่วงครึ่งหลังของปีจะทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าและการใช้จ่ายด้านการลงทุนซบเซาลงตามไปด้วย" ปีเตอร์ เครทซ์เมอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากแบงค์ ออฟ อเมริกา ในนิวยอร์ก กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอย่างเป็นทางการในเวลา 8.30 น.ตามเวลาวอชิงตัน โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขน่าจะอยู่ระหว่างหดตัว 2.1% ถึงขยายตัว 2.2% แต่หากไม่นับรวมยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ด้านการขนส่ง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอาจหดตัวลง 0.7% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน