เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วได้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภค โดยนักวิเคราะห์คาดว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 6% ในวันนี้
คณะกรรมการประสานงานด้านสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่สองขยายตัว 4.6% จากปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับการขยายตัว 4.7% ในไตรมาสแรก ขณะที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับ 5%
ทั้งนี้ เวียดนามและอินเดียต่างปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นได้กระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในสหรัฐ ญี่ปุ่นและยุโรปส่งผลกระทบให้อุปสงค์ชิพคอมพิวเตอร์ของบริษัทอินเทล คอร์ป รวมถึงสินค้าที่ผลิตในเอเชียปรับตัวลดลง
"ภาวะเงินเฟ้อถือเป็นปัญหาในระดับโลก" นักวิเคราะห์จากบีพีไอ แอสแซท เมเนจเมนท์ในกรุงมะนิลากล่าว "หากธนาคารยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อก็จะกลายเป็นภาระหนักหน่วงในเวลาต่อมา ดังนั้นธนาคารควรที่จะกันไว้ดีกว่าแก้"
ในปีนี้ ประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย่ได้ล้มเลิกแผนการสร้างสมดุลงบประมาณเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยให้คำมั่นที่จะกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์ในยุคข้าวยากหมากแพง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--