ดอลล์อ่อนค่าที่ตลาดโตเกียวเช้านี้ ขณะนลท.หวั่นน้ำมันแพงกระทบศก.สหรัฐซบเซา

ข่าวต่างประเทศ Monday September 1, 2008 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนในเช้าวันนี้ (1 ก.ย.) จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก                
เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเนื่องจากพายุเฮอริเคนกุสตาฟได้เคลื่อนตัวเข้าพัดกระหน่ำอ่าวเม็กซิโกและสร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคดังกล่าว
ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและอ่อนค่าหนักที่สุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์หลังจากที่นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ออกโรงเตือนประเทศอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจซบเซาหนักที่สุดในรอบ 60 ปี ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5% ในการประชุมวันที่ 4 ก.ย.นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 08.47 น. ตามเวลาในกรุงโตเกียว เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ 108.45 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 108.80 เยนต่อดอลลาร์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำที่ 108.21 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร โดยเคลื่อนไหวแตะที่ 1.4697 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.4673 ดอลลาร์ต่อยูโร
ขณะที่เงินยูโรเทรดที่ 159.40 เยนต่อยูโร จากระดับ 159.65 เยนต่อยูโร ทั้งนี้ ไอบะคาดว่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงแตะระดับ 108 เยนต่อดอลลาร์ในสัปดาห์นี้
ในส่วนของสกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 81.39 เพนซ์ต่อยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 ก่อนที่จะมาเทรดกันที่ 81.10 เพนซ์ต่อยูโร
"ทิศทางของเงินดอลลาร์ได้รับปัจจัยจากข่าวความเคลื่อนไหวของพายุกุสตาฟ" ทาเกชิ ไอบะ นักวิเคราะห์จากบีบีเอช อินเวสท์เม้นท์ เซอร์วิส อิงค์กล่าว "ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้"
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.3% ปิดที่ 117.00 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยในปีนี้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปแล้วถึง 22%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ