นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ คปภ.ตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจประกันภัยในภาพรวม 12% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 340,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 302,630 ล้านบาท
โดยเป้าหมายดังกล่าวแบ่งเป็นธุรกิจประกันชีวิต เติบโต 14-15% คิดเป็นมูลค่า 230,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่า 201,982 ล้านบาท ส่วนธุรกิจประกันวินาศภัย เติบโต 7-8% คิดเป็นมูลค่า 108,000-110,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่า 100,648 ล้านบาท
"ประชาชนทำประกันภัยมากขึ้น โดยเฉพาะประกันชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงในชีวิตและได้รับประโยชน์จากการออมเงิน ที่ให้ผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่สูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ ประกอบกับสามารถนำมาลดหย่อนการเสียภาษีได้เพิ่มขึ้น" นางจันทรา ระบุ
ในครึ่งแรกของปีนี้ ธุรกิจประกันชีวิตเติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 102,911 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจประกันวินาศภัย เติบโต 5.36% คิดเป็นมูลค่า 52,808 ล้านบาท
นางจันทรา กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.52 เป็นต้นไป จะบังคับใช้มาตรการให้ผู้เอาประกันภัยรถยนต์จ่ายเบี้ยประกันให้กับตัวแทนหรือนายหน้าแล้วสามารถได้รับความคุ้มครองทันที(แคช บีฟอร์ คอฟเวอร์) หลังได้รับใบเสร็จรับเงินจากตัวแทนหรือนายหน้า แม้จะยังไม่ได้รับกรมธรรม์จากบริษัท จากเดิมจะต้องได้รับกรมธรรม์จากบริษัทก่อนจึงจะได้รับความคุ้มครอง
ทั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้เอาประกันอย่างมาก เพราะบางครั้งเมื่อจ่ายเงินให้ตัวแทนหรือนายหน้าแล้วกว่าผู้เอาประกันจะได้รับกรมธรรม์จะกินเวลานาน หากในระหว่างนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้น บริษัทจะไม่ให้ความคุ้มครอง แต่หากใช้มาตรการใหม่แล้ว ผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองทันที
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--