อิทธิพลเฮอริเคน"กุสตาฟ"กระทบธุรกิจสายการบิน-ประกัน ส่งผลวิกฤตรับวันแรงงานสหรัฐ

          อิทธิพลของพายุเฮอริเคนกุสตาฟได้ส่งผลกระทบให้ธุรกิจสายการบินเกิดวิกฤตรายได้ในวันแรงงานของสหรัฐ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ก.ย.  เนื่องจากอิทธิพลของพายุลูกดังกล่าวก่อให้เกิดอุปสรรคในการเดินทางไป-กลับจากอ่าวเม็กซิโก และจากสภาพอากาศที่เลวร้ายได้กดดันให้มีการยกเลิกเที่ยวบินกว่า 135 เที่ยวบินที่เดินทางระหว่างรัฐหลุยส์เซียน่า มิสซิสซิปปี้ และอลาบามา
          ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า พายุกุสตาฟจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ธุรกิจประกัน และโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องจนกว่าพายุลูกดังกล่าวจะอ่อนกำลังลง แต่หลายฝ่ายคาดว่าผลกระทบจากพายุกุสตาฟจะไม่เลวร้ายเหมือนกับพายุเฮอริเคนแคทรีน่าที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน
          "เมื่อรัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหลังจากที่พายุเฮอริเคนสงบลงก็มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะเริ่มขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากขณะนี้ เรากำลังใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน" โจเอล นารอฟฟ์ ประธานของ Naroff Economic Advisors กล่าว    
          "สายการบินต่างๆต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักในเดือนก.ย." ทัด ฮัทชิสัน โฆษกจากแอร์ ทราน แอร์เวย์สกล่าว "โดยปกติแล้วเดือนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับสายการบิน แต่เราจะได้รับอานิสงส์จากวันแรงงานที่เป็นวันหยุดยาว ทว่าเรากลับต้องยกเลิกเที่ยวบินที่มีผู้โดยสารได้จองไว้ล่วงหน้าหลายเที่ยวบิน"
          สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แอร์ ทรานได้ยกเลิกเที่ยวบิน 23 เที่ยวบินในวันนี้ ขณะที่เดลต้า แอร์ ไลน์สได้ยกเลิกเที่ยวบิน 21 เที่ยวบิน ส่วนคอนทิเนนตัล แอร์ไลน์ส ยกเลิกเที่ยวบิน 28 เที่ยวบิน ส่วนสายการบินเซาท์เวสท์ แอร์ไลน์ส ได้ยกเลิกเที่ยวบิน 65 เที่ยวบิน
          ทั้งนี้ สายการบินได้ประกาศคืนเงินให้กับผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินไว้ล่วงหน้า ขณะที่ทางธุรกิจประกันภัยต้องจ่ายเบี้ยประกันจำนวนมาก แต่นายโรเบิร์ต ฮาร์ทวิก ประธานและนักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันข้อมูลประกันภัยกล่าวว่า การจ่ายเบี้ยประกันจะไม่สูงเท่ากับเหตุพายุเฮอริเคนแคทรีน่าหรือริต้าที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2548
          ขณะเดียวกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา บริษัทน้ำมันได้ระงับการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้งหมดในอ่าวเม็กซิโก ขณะที่พายุดังกล่าวอาจความเสียหายร้ายแรงต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและฐานการผลิตน้ำมันซึ่งจะทำให้ผลผลิตน้ำมันหยุดชะงักลง และอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น   
          นอกจากนี้ ภาคการขนส่งก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน โดยบริษัทแอมแทรคได้หยุดให้บริการเส้นทางเดินรถในตอนใต้ของแอตแลนต้า ทิศตะวันออกของซาน อันโตนิโอ และในรัฐนิวออร์ลีนส์ และคิดว่าจะยังไม่สามารถให้บริการได้จนถึงวันพฤหัสบดี