นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะกรรมการศึกษาและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งไทยที่ได้รับการอนุมัติแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีจะประชุมนัดแรกวันที่ 5 ก.ย.โดยจะพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยและของโลก, ผลดีและผลเสียของกฎหมายประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย ความจำเป็นของการมีกฎหมายกำกับดูแลการประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของไทย ซึ่งต้องทำให้กฎหมายสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด
ปัจจุบันห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ได้ขยายประเภทธุรกิจมากขึ้น เพื่อขายสินค้าแข่งกับตลาดสดหรือร้านค้าเฉพาะอย่าง เช่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า จนส่งผลให้ผู้ประกอบการตลาดสดและร้านค้าเฉพาะอย่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับร้านโชห่วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งออกกฎหมายประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกโดยเร็ว เพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจให้รายเล็กและรายใหญ่แข่งขันกันอย่างเป็นธรรมมากขึ้น
"กฎหมายเดิมที่ยกร่างโดยกระทรวงพาณิชย์ มุ่งแก้ปัญหาโชห่วยเป็นหลัก แต่ปัจจุบันห้างค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ไม่ได้ทำธุรกิจแข่งกับโชห่วยอย่างเดียว บางพื้นที่ก็แข่งกับตลาดสด ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้าเฉพาะอย่าง เพราะขายสินค้าทุกประเภท ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบไม่ใช่เฉพาะโชห่วยอย่างเดียว แต่ยังมีตลาดสด ร้านค้าเฉพาะอย่างอีก จึงต้องหาแนวทางให้แข่งขันกันอย่างเป็นธรรมที่สุด และต้องพัฒนาให้โชห่วยมีศักยภาพในการทำธุรกิจมากขึ้น"นายยรรยง กล่าว
เบื้องต้นคาดว่าต้องจัดประเภทธุรกิจค้าปลีกใหม่กำหนดพื้นที่ในการก่อสร้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ห้างค้าส่งค้าปลีกมาขายแข่งกับตลาดสด หรือโชห่วยในบริเวณใกล้เคียงกัน รวมถึงต้องกำหนดประเภทของสินค้าที่จะขายในห้างค้าส่งค้าปลีกด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--