นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้จัดทำแผนการลงทุนภาครัฐปีงบประมาณ 52 เป็นการกู้เงินใหม่จำนวน 4.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบ 51 ถึง 50% โดยเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และเพื่อลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์
แผนการกู้เงินใหม่จะทำให้ยอดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 38% ของจีดีพี ในสิ้นปี 52 จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 3.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 36% ของจีดีพี และแม้ยอดหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในวิสัยที่กระทรวงการคลังจะบริหารจัดการได้ เพราะยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการคลังที่กำหนดให้มีหนี้สาธารณะไม่เกิน 50% ต่อจีดีพี
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 52 กระทรวงการคลังมีแผนออกพันธบัตรออมทรัพย์ 4 ประเภท วงเงินรวม 6 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย พันธบัตร อายุ 2-3 ปีสำหรับเด็กและเยาวชนช่วงวันเด็กแห่งชาติ, ประเภทที่สอง พันธบัตรอายุ 2-3 ปี สำหรับผู้สูงอายุ คาดว่าจะขายได้ราวเดือนเม.ย. ในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ, ประเภทที่สาม พันธบัตรอายุ 5 ปี สำหรับคนต่างจังหวัด คาดว่าจะออกขายได้ในราวเดือน ก.ค.52 และประเภทสุดท้ายพันธบัตรอายุ 3-5 ปี สำหรับบุคคลทั่วไป คาดว่าจะขายปีละ 2 ครั้ง เน้นในช่วงการจ่ายโบนัสประจำปี
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า พันธบัตรออมทรัพย์ที่จะออกขายทั้งหมดไม่มีกำหนดวงเงินซื้อขั้นสูง ซึ่งเดิมได้กำหนดไว้ที่ไม่เกินคนละ 5 แสนบาท เนื่องจากต้องการให้มีผู้สนใจมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังจะดูแลไม่ให้เกิดการกระจุกตัวเฉพาะผู้ซื้อที่มีรายได้สูง โดยราวกลางเดือน ก.ย.51 กระทรวงการคลังจะเชิญผู้ที่สนใจมารับทราบแผนการออกพันธบัตรดังกล่าวก่อนจะเริ่มขายได้ราว ต.ค.51
"ปีงบ 52 กระทรวงการคลังจะไม่มีการออกขายพันธบัตรออมทรัพย์ทุกเดือนเหมือนปีที่ผ่านมา แต่จะกำหนดการขายพันธบัตรออมทรัพย์แยกเป็นแต่ละกลุ่มเป้าหมาย" นายพงษ์ภาณุ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--