นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย(TDRI) กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาทางการเมืองได้ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทรุดตัวลงอย่างมาก ดังนั้นคงไม่ต้องมองถึงว่าจะกระทบต่อการลงทุนมากน้อยเพียงใด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดและเบาบางลงอย่างชัดเจน
พร้อมยอมรับว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบเศรษฐกิจมากขึ้นกว่าเดิม แต่จะกระทบมากน้อยเพียงใดต้องขอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ด้านนายสมภพ มานะรังสรรค์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งเข้ามาจัดการให้ภาวะฉุกเฉินหายไปโดยเร็ว เพราะหากประเทศยังอยู่ในภาวะเช่นนี้จะนำไปสู่ความไม่แน่นอนเกิดขึ้น โดยผลกระทบที่เห็นได้ในขณะนี้คือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดเงินและตลาดทุน ซึ่งหากไม่มีการจัดการจะยิ่งกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่เป็นเสาหลักสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
"หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ ผู้ที่มีหน้าที่บริหารบ้านเมืองต้องเข้ามาเร่งจัดการ ลดการสุ่มเสี่ยงให้ได้ การตัดสินใจต้องคำนึงถึงประเทศชาติเป็นหลัก เพราะบ้านเมืองฝากไว้ที่นิติบัญญัติมากเกินไป" นายสมภพ กล่าว
ทั้งนี้ การตัดสินใจใดๆ ของรัฐบาล หากทำให้ปัญหายิ่งบานปลายก็ควรตัดสินใจใหม่ โดยทางเลือกที่ฝ่ายนักวิชาการเสนอมี 2 ทางเลือก คือ การยุบสภา หรือให้นายกรัฐมนตรีลาออก
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--