บริษัท ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยของสหรัฐเปิดเผยยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐเดือนส.ค. 2551 ว่า ร่วงลง 15.5% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 1,249,793 คัน นับเป็นสถิติที่อ่อนตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลง
ยอดขายรวมของค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ คือ เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป, ฟอร์ด มอเตอร์ โค และไครส์เลอร์ แอลแอลซี ดิ่งลง 24.7% แตะ 566,465 คัน
ส่วนแบ่งตลาดของบิ๊กทรีอยู่ที่ 45.3% นับเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 42.7% ในเดือนก.ค. และยังถือเป็นส่วนแบ่งตลาดที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 แล้ว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดขายของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ตกลง 9.4% แตะ 211,533 คันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 16.9%
ความต้องการรถบรรทุกและรถที่ใช้น้ำมันเปลืองของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลงนี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อแบรนด์รถหลักของบิ๊กทรี แม้ว่ายักษ์ใหญ่ทั้ง 3 รายนี้จะปรับยุทธศาสตร์มาที่รถยนต์ที่มีขนาดเล็กลงและประหยัดน้ำมันก็ตาม
ยอดขายของจีเอ็มร่วงลงถึง 20.1% แตะ 305,782 คันในเดือนส.ค. ส่วนแบ่งตลาดในเดือนเดียวกันนี้เพิ่มขึ้น 24.5% ขากระดับเดือนก.ค.ที่ 20.4%
ไครส์เลอร์เป็นหนึ่งในบิ๊กทรีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมียอดขายร่วงลงถึง 34.5% แตะ 110,235 คัน ส่วนฟอรด์มียอดขายลดลง 25.5% แตะ 150,448 คัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--