แผนการให้รัฐบาลสหรัฐเข้าเทคโอเวอร์กิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็นแนวคิดของนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ ได้รับการสนับสนุนจากนายวอเร็น บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐกิจนักลงทุนรายใหญ่ของโลก และนายบิล กรอส ผู้บริหารการลงทุนของบริษัทแปซิฟิก อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ (PIMCO) ซึ่งเป็นกองทุนลงทุนในตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยผู้ทรงอิทธิพลทางการเงินทั้ง 2 เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในแฟนนี เม และเฟรดดี แมค นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางในเอเชียยังให้การสนับสนุนแผนการณ์ดังกล่าวด้วย
บัฟเฟตต์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ และบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ แสดงความเห็นต่อแผนการดังกล่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า "สิ่งที่รมว.พอลสันทำในครั้งนี้ถือว่าถูกต้องแล้ว การที่รัฐบาลตัดสินใจเทคโอเวอร์กิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง"
ขณะที่ กรอส ซึ่งเป็นผู้นิตยสาร "ฟอร์จูน" จัดอันดับให้เป็นหนึ่งในนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดของโลก กล่าวว่า "พอลสันใช้มาตรการที่จำเป็นในการผลักดันให้แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค เข้าสู่ขอบข่ายอนุรักษ์นิยมภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล การที่รัฐบาลตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของสถาบันการเงินทั้งสองแห่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลยอมเปิดคลังเพื่อนำเงินออกมาช่วยพยุงหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน"
ก่อนหน้านี้ กรอสได้เรียกร้องรัฐบาลสหรัฐให้ทุ่มงบประมาณมากขึ้นเพื่อพยุงตลาดที่อยู่อาศัยให้รอดพ้นจาก "สึนามิทางการเงิน" โดยกรอสได้ถือครองตราสารหนี้จำนวนมากที่แฟนนี เม และเฟรดดี แมค เป็นผู้รับประกัน ขณะที่บริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ของบัฟเฟตต์ เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเฟรดดี แมค
ด้านนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน และนายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ก็สนับสนุนแผนการซื้อแฟนนี เม และเฟรดดี แมค โดยทั้งสองกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ที่เมืองบาเซล สวิตเซอร์แลนด์
"เราคาดว่าแผนการเทคโอเวอร์แฟนนี เม และเฟรดดี แมค สร้างเสถียรภาพให้กับตลาดการเงินของสหรัฐและตลาดการเงินทั่วโลก" ผู้ว่าการบีโอเจกล่าว ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่า "ผมมองว่าแผนการดังกล่าวเป็นบวก และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง"
อย่างไรก็ตาม บาร์นีย์ แฟรงค์ ประธานคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯแสดงความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะได้รับผลกระทบรุนแรง จากการที่รัฐบาลเข้าควบคุมบริษัททั้งสอง โดยจะมีการตั้งทีมบริหารใหม่ ซึ่งหมายความถึงการปลดประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค
ทั้งนี้ พอลสัน ได้หารือในรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการซื้อแฟนนีเม และ เฟรดดี เมค ร่วมกับ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า พอลสันยังได้หารือแผนการล่าสุดกับสองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คือ บารัค โอบามา ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต และจอห์น แมคเคน จากพรรครีพับลิกัน โดยโอบามากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "มาตรการแทรกแซงเป็นสิ่งจำเป็น เราต้องปกป้องผู้เสียภาษี ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--