สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการประเมินความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ในสหรัฐได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
รายงานของ IEA รายเดือนที่ได้มีการเปิดเผยก่อนที่โอเปคจะตัดสินใจลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 520,000 บาร์เรลต่อวันว่า อุปทานน้ำมันของโอเปคร่วงลงถึง 195,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค. เหลือ 32.5 ล้านบาร์เรลเนื่องจากปัญหาการผลิตที่เกิดขึ้นในอิรัก แองโกลา ลิเบีย และไนจีเรีย
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า โอเปคได้กำหนดเพดานการผลิตใหม่ที่ 28.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยไม่นับรวมผลผลิตน้ำมันของอินโดนีเซียและอิรัก
ราคาน้ำมัน NYMEX ที่ซื้อขายในตลาดสิงคโปร์วันนี้ดีดตัวขึ้น 1.41 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 104.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขานรับการตัดสินใจลดการผลิตน้ำมันของโอเปค
IEA ระบุว่า ความต้องการขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ที่อ่อนตัวลง และคลังน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่ครอบงำความเชื่อมั่นอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันได้ร่วงลงไปแตะที่ระดับประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนส.ค. มีสัญญาณที่ชัดเจนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงประกอบกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกำลังทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และทางเลือกในการซื้อของกลุ่ม OECD
ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ หากว่าราคาน้ำมันอ่อนตัวลงไปกว่านี้ โดยความต้องการในประเทศพัฒนาแล้วปรับตัวลดลงมาก แต่ประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศกลับมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมีการให้เงินอุดหนุนการใช้น้ำมัน
อย่างไรก็ดี ความต้องการน้ำมันจะลดลงไปอย่างถาวรหรือไม่นั้น รายงานระบุว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคมีปฏิกริยาต่อราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ตกลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--