เจอร์รี ลู นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนใกล้เผชิญกับภาวะ "ล่มสลาย" เนื่องจากราคาบ้านและยอดขายบ้านทรุดตัวลงอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขกำไรของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ตกต่ำลง
"ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ๆของจีนตกต่ำลงอย่างมาก เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะเผชิญภาวะล่มสลาย และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์" นักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์กล่าว
ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในจีนทรุดตัวลงอย่างหนักนับตั้งแต่รัฐบาลประกาศกฏข้อบังคับให้ผู้ซื้อบ้านชำระเงินดาวน์เพิ่มขึ้นและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นราคาบ้านไม่ให้ร้อนแรงจนเกินไป นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงไปกว่า 60% ในปีนี้และความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงอีกนั้น ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในจีนถดถอยลงด้วย
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีนและคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน (CBRC) สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เพื่อควบคุมความเสี่ยงที่อาจเป็นภัยคุกคามภาคธุรกิจธนาคารในประเทศ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเรียกร้องให้เพิ่มความเข้มงวดในการใช้นโยบายด้านสินเชื่อครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะพัฒนาตลาดสินเชื่อสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้น ภายใต้เจตนารมณ์ของธนาคารกลางที่หวังจะป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของโครงการ เนื่องการทำธุรกรรมทางการเงินจะเผชิญอุปสรรคมากยิ่งขึ้น
ในช่วงครึ่งปีแรก ยอดการปล่อยสินเชื่อสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในจีนพุ่งขึ้น 22.5% ต่อปี ที่ระดับ 5.2 ล้านล้านหยวน (7.615 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 15-20% ของสินทรัพย์ทั้งหมดในธุรกิจธนาคาร
นักวิเคราะห์กล่าวว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและเม็ดเงินทุนที่กระจัดกระจายจะทำให้ธนาคารพาณิชย์เผชิญความเสี่ยง ซึ่งจะยิ่งกดดันให้เศรษฐกิจในประเทศตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--