อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นว่า วิกฤตการณ์ด้านการเงินในสหรัฐที่เริ่มต้นจากปัญหาในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์) เมื่อปีที่แล้วนั้น อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีสถาบันการเงินล้มละลายอีกหลายแห่ง
"ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิกฤตการณ์จะลุกลามรวดเร็วอย่างชนิดที่ตัวผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน และสถานการณ์ดังกล่าวจะยังไม่สามารถคลี่คลายได้ในระยะใกล้นี้ ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเลห์แมน บราเธอร์สในขณะนี้นั้น รัฐบาลสหรัฐควรดำเนินมาตรการอย่างรอบคอบในการรับมือวิกฤติที่เกิดขึ้นกับเลห์แมน บราเธอร์ส ผมคาดว่าอาจมีธนาคารและสถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ ประสบปัญหาทางการเงินจนถึงขั้นล้มละลายเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่รัฐบาลก็ไม่ควรเข้าไปพยุงหรือช่วยเหลือทั้งหมด" กรีนสแปนกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "This Week with George Stephanopoulos" ทางสถานีโทรทัศน์ ABC
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังและเจ้าหน้าที่เฟดได้จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือถึงทางออกของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจเก่าแก่ของสหรัฐที่ก่อตั้งมานานถึง 158 ปี หลังจากเลห์แมนขาดทุนอย่างหนักถึง 3.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 โดยนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐที่เพิ่มประกาศแผนเข้าอุ้มกิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค เมื่อสัปดาหก่อน กล่าวว่า เขาไม่คิดที่จะนำงบประมาณของรัฐบาลมากู้วิกฤตของเลห์แมน
ทั้งนี้ กรีนสแปนกล่าวกับผู้ดำเนินรายการ "This Week with George Stephanopoulos" ว่า "หากสถานบันการเงินตั้งอยู่บนรากฐานที่ถูกต้องและมีการลงทุนควบคู่ไปกับการออมเพื่อให้กลไกเศรษฐกิจทำงานอย่างสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน สถาบันการเงินก็จะอยู่รอดและไม่ล้มละลาย แต่สถาบันการเงินเช่นนี้หายากมาก"
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า รัฐบาลสหรัฐควรเข้าไปพยุงกิจการของสถาบันการเงินหรืออุตสาหกรรมรถยนต์หรือไม่ กรีนสแปนตอบว่า "อย่างที่บอกไปแล้วว่าบริษัทควรลงทุนควบคู่ไปกับการออมเพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัว มิฉะนั้นอุตสาหกรรมก็จะเข้าสู่ภาวะชะงักงัน รัฐบาลสหรัฐไม่ควรเข้าไปอุ้มทุกกิจการ ในทุกสถานการณ์ย่อมมีผู้ชนะและผู้แพ้"
ก่อนหน้านี้ กรีนสแปนเคยกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า บริษัทในตลาดวอลล์สตรีทควรช่วยกันยื่นมือเข้ากอบกู้กิจการเลห์แมน บราเธอร์ โดยไม่ต้องให้ภาครัฐใช้เงินงบประมาณ หลังจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในกิจการของเลห์แมน นอกจากนี้ กรีนสแปนกล่าวว่า เขาเกรงว่าการที่รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจเข้าเทคโอเวอร์กิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค อาจเป็นการนำเงินงบประมาณมาจ่ายในราคาที่แพงเกินกว่าปกติ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--