นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ยอมรับว่าค่าไฟฟ้าอัตโนมัติงวดใหม่(ค่าเอฟที)ที่มีผลตั้งแต่เดือน ต.ค.51-ม.ค.52 จะต้องปรับขึ้นแน่นอนตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ผันแปรตามราคาน้ำมัน แต่ขณะนี้กระทรวงพลังงานพยายามหาทางลดผลกระทบไม่ให้ปรับสูงขึ้นเกิน 30-40 สตางค์/หน่วย
โดยการประชุมร่วมระหว่างเรคกูเลเตอร์กับ กฟผ., บมจ.ปตท.(PTT) และกระทรวงพลังงาน ในวันพรุ่งนี้(16 ก.ย.) จะหาทางลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด
แหล่งข่าวระบุว่า แนวทางที่เรกกูเลเตอร์จะนำมาใช้ คือ เกลี่ยค่าไฟฟ้างวดนี้ไปให้นานขึ้นจากการปรับขึ้นเพียงงวดเดียวก็อาจนำไปบวกเพิ่มกับงวดอื่น ซึ่งอาจจะทำให้งวดนี้ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 10 สตางค์/หน่วย และอาจให้ กฟผ.เข้ามาร่วมรับภาระต้นทุนไปก่อน โดยในส่วนของ ปตท.คงไม่ต้องเข้ามาร่วมรับภาระ เพียงแต่จะมีการนำเงินค่าเทคออร์เพย์ก๊าซพม่ามาใช้ วงเงินอาจอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ก็จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้อีกประมาณกว่า 10 สตางค์/หน่วย
ด้านนายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า ค่าก๊าซเทค
ออร์เพย์พม่าที่ผ่านมาได้ชะลอการใช้เพราะมีก๊าซจากหลายแหล่งเข้าระบบ แต่จากที่ราคาก๊าซครั้งนี้สูงขึ้นหากดึงมาใช้ก็จะช่วยลดภาระประชาชนได้ระดับหนึ่ง เพราะเป็นราคาที่จ่ายไปก่อนตั้งแต่สร้างท่อก๊าซพม่าและราคาน้ำมันในช่วงนั้นยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ซึ่งถือว่าจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภค
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--