นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำตาลกำลังพุ่งแซงหน้าผลผลิตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2549 ส่งผลให้ราคาน้ำตาลพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 24 ปี ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังประสบภาวะชะลอตัว
อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ปลูกอ้อยรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกจะลดการผลิตลง 16% ในปีหน้า เพื่อให้พืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นๆได้กำไรมากขึ้น ขณะที่บราซิล ประเทศผู้ปลูกอ้อยรายใหญ่อันดับ 1 ของโลกคาดว่าจะใช้ผลผลิตอ้อย 57% เป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 54%
เซอร์ไก กูโดชนิคอฟ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากองค์กรน้ำตาลระหว่างประเทศในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "ปัจจัยพื้นฐานในปีหน้าดีกว่าในช่วง 12 เดือนนี้ ขณะที่มูลค่าในตลาดในช่วง 3 ฤดูกาลล่าสุดยังปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง"
ภาวะผลผลิตขาดตลาดอาจทำให้น้ำตาลกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดเดียวที่ยังมีอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่งแม้ในยามที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะชะลอตัวจนกดดันให้อุปสงค์วัตถุดิบต่างๆตั้งแต่อลูมิเนียมไปจนถึงน้ำมันปรับตัวลดลง นอกจากนี้ น้ำตาลยังเป็นสินค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจากราคาที่แกว่งตัวรุนแรงในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่ประชาชนชาวจีนและอินเดียบริโภคอ้อย ซึ่งเป็นพืชที่ให้ความหวานกันมากขึ้น
โจนาธาน คิงส์แมน นักวิเคราะจากบริษัท Kingsman SA กล่าวว่า สัญญาซื้อขายน้ำตาลในตลาด ICE กรุงนิวยอร์กอาจพุ่งขึ้น 28% แตะที่ 18 เซนต์ในปีหน้า จากระดับ 14.06 เซนต์ ณ วันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--