นักวิเคราะห์กล่าวว่า มาเลเซียไม่น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากการล่มสลายของสถาบันการเงินรายใหญ่สองรายของสหรัฐอย่าง เลห์แมน บราเธอร์ส และ เมอร์ริล ลินช์ ซึ่งเป็นเหยื่อของวิกฤติซับไพรม์ในสหรัฐ
หว่อง หมิง เต็ก หัวหน้าฝ่ายวิจัยของดีบีเอส วิคเกอร์ส รีเสิร์ชในมาเลเซีย กล่าวว่า "ผมไม่คิดว่ามาเลเซียจะได้รับผลกระทบโดยตรง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นน่าจะเป็นโดยทางอ้อม"
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ธนาคารต่างๆในมาเลเซียออกมาเผยว่า ธนาคารไม่ได้เข้าไปลงทุนในตลาดซับไพรม์มากนัก ดังนั้นมาเลเซียจึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการล้มละลายของสถาบันการเงินทั้งสองแห่ง
อย่างไรก็ตาม ข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการล้มละลายดังกล่าวจะส่งผลต่อบรรยากาศและความมั่นใจของนักลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเมื่อวันจันทร์ ข่าวเลห์แมนและเมอร์ริลได้ส่งให้ตลาดหุ้นในยุโรปและเอเชียร่วงลงถ้วนหน้า
เคลเมนท์ ชิว หัวหน้าฝ่ายนายหน้าซื้อขายหุ้นจากเจพี มอร์แกน ในมาเลเซียกล่าวว่า "ข่าวนี้จะส่งผลต่อมูลค่าตลาดหุ้นของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลด้วยว่าการล้มละลายดังกล่าวจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงเศรษฐกิจสหรัฐ ตลอดจนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างไร
นสพ.นิวสเตรทส์ไทม์สรายงานอ้างคำกล่าวของชิวที่ระบุว่า "เศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงจะส่งผลต่อการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในเอเชียและยุโรป"
ทั้งนี้ เลห์แมน ซึ่งยื่นขอคุ้มครองทรัพย์สินจากการล้มละลายเมื่อวานนี้ ไม่มีกิจการอยู่ในมาเลเซีย ส่วนเมอร์ริล ซึ่งตกลงขายกิจการให้แบงก์ ออฟ อเมริกา เป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ มีฝ่ายวิจัยเล็กๆอยู่ในมาเลเซีย สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--