นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส และการที่เมอร์ริล ลินช์ เผชิญปัญหาทางการเงินจนต้องขายกิจการให้กับแบงค์ ออฟ อเมริกา ถือเป็นวิกฤตการณ์ชั่วข้ามคืนที่คุกคามความเชื่อมั่นของนักลงทุน และส่งผลให้ตัวเลขว่างงานพุ่งขึ้นรุนแรง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคืนนี้
แดน นอร์ธ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Allianz SE ในรัฐแมรีแลนด์ กล่าวว่า "การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในคืนนี้เกิดขึ้นในยามที่ตลาดการเงินตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐได้ยื่นขอความคุ้มครองทรัพย์สินตามกฎหมายล้มละลาย พร้อมกับหนี้สินที่มีอยู่สูงถึง 6.13 แสนล้านดอลลาร์"
"เหตุการณ์ไม่คาดฝันตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์จนถึงขณะนี้ส่งผลให้สถานการณ์ยากลำบากมากขึ้น แม้ว่าเฟดมีเม็ดเงินสดมากพอที่จะอัดฉีดเข้าสู่ระบบการเงินสหรัฐ แต่คงไม่มีใครอยากปล่อยวงเงินกู้ในยามที่สถาบันการเงินเสี่ยงที่จะล้มละลาย และสภาวะที่ย่ำแย่เช่นนี้อาจทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง ซึ่งจะยิ่งฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยเร็วขึ้น" นอร์ธกล่าว
การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส ส่งผลให้เฟดตัดสินใจอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการธนาคารอีก 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มสภาพคล่องครั้งใหญ่สุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วินาศกรรมในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 โดยเฟดมีเป้าหมายที่จะลดความร้อนแรงของต้นทุนการกู้ยืมซึ่งเป็นผลมาจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส
นอกจากนี้ กลุ่มสถาบันการเงินในสหรัฐ รวมถึง แบงค์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กำลังจัดตั้งกองทุนกู้ยืมมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะจัดหาสภาพคล่องในระบบการเงินสหรัฐ นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะให้การยอมรับหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมถึง หุ้น เป็นหลักค้ำประกันเงินกู้โดยตรงที่ให้กับวาณิชธนกิจ ขณะที่บริษัทหลายแห่งเตรียมยื่นขอกู้ตามนโยบายเฟดและขอกู้จากกองทุนกู้ยืมดังกล่าวในสัปดาห์นี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--