ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เปิดเผยว่า ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะเผชิญภาวะราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงและแกว่งตัวผันผวนเป็นเวลานาน ซึ่งจะบดบังการขยายตัวและสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลในประเทศเหล่านี้ปรับใช้นโยบายกระตุ้นให้มีการประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้น
ราคาน้ำมันที่ร่วงลงในระยะนี้จะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆเท่านั้น และเศรษฐกิจในเอเชียจะยิ่งกดดันอุปทานน้ำมันในตลาดโลกและทำให้ราคาพุ่งขึ้นอยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปจนถึงปี 2563
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจในทวีปเอเชียประจำปี 2551 ระบุว่า ประเทศในเอเชียที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากภาวะราคาน้ำมันแพงที่กินเวลายาวนาน
อีฟซาล อาลี หัวหน้านักวิเคราะห์จากเอดีบีกล่าวว่า "ราคาน้ำมันยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่ไม่นานกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะเผชิญกับสภาพความเป็นจริงได้ดีขึ้น"
"ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นทำให้เราหมดความเชื่อมั่นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียจะมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันแพงได้ ซึ่งเมื่อมองไปยังอนาคตจะเห็นว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นยาวนานจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเอเชียอย่างแน่นอน" เขากล่าวเสริม
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า กำลังการผลิตน้ำมันส่วนเกินที่ลดลงอันเป็นผลจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการเก็งกำไรของนักลงทุนที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นนั้นจะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันผันผวนรุนแรงมากขึ้น ซึ่งผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและอุปสงค์ที่ลดลงในขณะนี้จะช่วยให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเล็กน้อยในระยะสั้นๆดังเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันจะเริ่มพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งใน 10 ปีข้างหน้าจากส่วนต่างระหว่างอุปสงค์และอุปทานที่เหลื่อมล้ำกันอยู่ สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--