คลังเชื่อวิกฤติเลห์แมนฯไม่กระทบไทย-มีแผนตั้งกองทุนซื้อสินทรัพย์ราคาถูก

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 17, 2008 10:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมช.คลัง กล่าวว่า ปัญหาการล้มละลายของบริษัท เลห์แมน บราเธอร์ ในสหรัฐ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทย อาจมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นบ้างแต่ถือว่าน้อยมาก เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง เห็นได้จากครึ่งปีแรกจีดีพียังขยายตัวได้ 5.7% เทียบกับไตรมาส 1/50 ที่ขยายตัว 4.8%  เป็นผลมาจากการเติบโตของภาคการส่งออกเป็นหลัก 
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้ประสานงานกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เข้าไปดูแลเรื่องสภาพคล่องในระบบที่อาจจะได้รับผลกระทบจากกรณีของเลห์แมนฯบ้าง แต่ประชาชนและนักลงทุนในสถาบันการเงินของไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากรณีที่เกิดขึ้นและอย่าถอนการลงทุน เพราะภาครัฐจะดูแลสภาพคล่องและติดตามดูแลสถาบันการเงินเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสถาบันประกันเงินฝากดูแลคุ้มครองเงินฝากของประชาชนด้วย
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลยังดูแลอยู่ โดยเฉพาะการเดินหน้าโครงการลงทุนเมกกะโปรเจ็คต์ทั้งการก่อสร้างรถไฟฟ้า ระบบโลจิสติกส์ และอื่น ๆ มูลค่ารวม 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่ารัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการตามแผนงานในปี 2552-2555
"รัฐบาลใหม่ที่ยังมีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดรัฐบาล เชื่อว่าทีมเศรษฐกิจน่าจะทำต่อในเรื่องเมกะโปรเจ็คต์ ส่วนกรณีจะมีทีมที่ปรึกษานายกฯหรือไม่ ยังไม่ทราบขณะนี้ แต่เชื่อว่า ดร.โกร่ง(นายวีรพงศ์ รามางกูร)ยินดีพร้อมเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาล" นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ ให้ความเห็นอีกว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้นถือเป็นบุคคลที่เข้ากับคนอื่นได้ดี ส่วนการทำงาน คิดว่าน่าจะทำได้ดีเช่นกัน และประสานงานกับทุกฝ่ายได้ ที่ผ่านมาการทำงานก็ไม่เคยมีปัญหา
ด้านนายพิชัย นริพทะพันธ์ รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลมีแนวคิดจัดตั้งกองทุนเพื่อรับซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐที่ประสบปัญหา เป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในลักษณะกองทุนความมั่นคั่งแห่งชาติ (sovereign wealth funds) โดยจะหารือกับ รมว.คลังอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพียงแต่รัฐบาลเตรียมแผนไว้ เพราะถือเป็นโอกาสที่ไทยจะเข้าไปลงทุนซื้อสินทรัพย์ในสหรัฐ เพราะเชื่อว่าปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐขณะนี้ ยังอยู่ในช่วงกลาง ๆ และคาดว่าจะรุนแรงขึ้นอีก ดังนั้น ไทยควรมีแผนตั้งรับกับปัญหา และเป็นโอกาสที่จะเข้าไปซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐที่ราคาจะตกต่ำที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ