โจเซฟ แยม ประธานฝ่ายบริหารของธนาคารกลางฮ่องกงกล่าวว่า ในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทั่วโลกต้องเร่งกระบวนการฟื้นความแข็งแกร่งในระบบการเงิน ขณะที่วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อกำลังเผชิญภาวะเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางฮ่องกงได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมที่ 3.5% ในวันนี้ เช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับ 2% เมื่อคืนที่ผ่านมาโดยปฏิเสธข้อเรียกร้องของนักลงทุนที่ต้องการให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่สถานการณ์ล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ได้สร้างความตื่นตระหนกในตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
"การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า การใช้นโยบายการเงินเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาวิกฤตการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อีกไม่กี่วันต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่มีผลต่อตลาดเงิน" แยมกล่าว
"ระดับความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินรายใหญ่ๆจะได้รับผลกระทบ ขณะที่รัฐบาลยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เนื่องจากระบบตลาดเสรีนั้นไม่เอื้อให้รัฐบาลยื่นมือเข้าแทรกแซงได้ แต่ทำได้แค่ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพที่ชัดเจนว่าจะมีความเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นบ้าง"
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยพื้นฐานของฮ่องกงเคลื่อนไหวตามการเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยของเฟด เนื่องจากฮ่องกงใช้นโยบายผูกติดเงินดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างคำกล่าวของแยมว่า ตลาดเงินของฮ่องกงจะเผชิญความผันผวนหลังจากที่การล้มละลายของเลห์แมนได้ตอกย้ำวิกฤตการณ์เลวร้ายในตลาดโลก โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลง 5.4% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.2549
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของฮ่องกงในไตรมาสที่สองของปีนี้ขยายตัวขึ้น 4.2% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี เนื่องจากภาคการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศชะลอตัวลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในเดือนก.ค.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีที่ระดับ 6.3%
อย่างไรก็ดี แยมได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ระบบการกำกับดูแลการซื้อขายในตลาดหุ้น และการดำเนินธุรกิจธนาคารและการประกันภัยของฮ่องกงมีความแข็งแกร่ง ดังนั้นฮ่องกงจึงไม่เผชิญปัญหาทางโครงสร้างแต่อย่างใด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--