นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ปัญหาการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจใหญ่ของสหรัฐ และกรณีที่ AIG เกิดปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงถึงไทย ดังนั้น จึงยังไม่จำเป็นที่ ธปท.จะต้องอัดฉีดเงินเข้าระบบ แต่ก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินการตามความจำเป็น
สำหรับการลงทุนของกลุ่มเลห์แมนฯ ในประเทศไทยที่มีการปล่อยสินเชื่อและลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ เป็นเรื่องทางธุรกิจ เป็นคนละกรณีที่บริษัทแม่ล้มละลาย ซึ่งในที่สุดแล้วหากทำธุรกิจไม่ได้และเลห์แมนฯต้องปิดกิจการไป ก็เชื่อว่าถ้ามีการขายลูกหนี้ในไทยก็จะมีผู้เข้ามารับซื้อ
ส่วนกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ไทยหลายแห่งเข้าไปลงทุนในตราสารที่มีความเกี่ยวข้องกับเลห์แมนฯ ซึ่งล่าสุดประเมินมูลค่าประมาณ 6 พันล้านบาท เชื่อว่าจะมีผลกระทบน้อย เพราะเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ธนาคารพาณิชย์ไทยปล่อยสินเชื่อทั้งระบบ 7 ล้านล้านบาทถือว่าน้อยมาก จึงไม่น่าตื่นตกใจอะไร
ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ(BBL)ที่เข้าไปลงทุนตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับเลห์แมนฯ 3.5 พันล้านบาทนั้น ผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เขื่อว่าธนาคารกรุงเทพสามารถดูแลตัวเองได้ และถือว่าการลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ของธนาคาร
นางธาริษา กล่าวว่า การเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในระยะนี้นั้น ทำให้มีเงินทุนต่างประเทศไหลออกไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกันทั้งภูมิภาค เป็นผลกระทบจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นทั่วโลก เชื่อว่าหากปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายลงไป ก็น่าจะทำให้เงินทุนต่างประเทศไหลกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)ยังไหลเข้าสุทธิ
"ถ้าคนเข้าใจปัญหาสหรัฐฯ ประกอบกับเฟดเข้าไปช่วยซื้อกิจการแล้ว คนก็จะเริ่มเข้าใจและคงจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นปกติ"นางธาริษา กล่าว
นางธาริษา ยังกล่าวถึงการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อวานนี้ว่า เป็นการแข็งค่าในระดับมากกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลจากการทำฟอร์เวิร์ดที่มีทั้งสองขาทั้งซื้อและขาย ถือเป็นธุรกรรมปกติ ไม่มีอะไรต้องตื่นตกใจ
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--