ฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ อาจจะขยายตัวสูงสุดที่ระดับ 12.5% ซึ่งเป็นสถิติในเดือนส.ค. ทำให้ธนาคารกลางสามารถตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมได้หลังจากที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยไป 3 ครั้งตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
"หากอัตราเงินเฟ้อพุ่งถึงจุดสูงสุดแล้ว ธนาคารกลางก็อาจไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยอีก ส่วนผู้ส่งออกอาจจะได้รับผลกระทบจากดีมานด์ในสหรัฐที่ลดลง ส่งผลคุกคามต่อการขยายตัว" ราล์ฟ เร็คโต ผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจ กล่าว
อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอาจทำให้รัฐบาลสามารถทุ่มทุน 1.44 แสนล้านดอลลาร์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศซึ่งขยายตัวช้าสุดในรอบ 3 ปีในช่วงไตรมาส 2 ของปี โดยต้องมีการกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคเพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 5.5% ในปีนี้
"หากการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคเติบโตได้ถึง 40% ในช่วงครึ่งหลังของปี เราก็ยังสามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 5.5% ได้" นายเร็คโต กล่าว "หากเศรษฐกิจขยายตัวราว 4.7 - 5.5% ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว"
ฟิลิปปินส์อาจปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ โดยเมื่อเดือนที่แล้วฟิลิปปินส์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือ 5.5 - 6.4% เมื่อเทียบกับการขยายตัว 7.2% เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ อามันโด เทแทงโก ผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวว่า ฟิลิปปินส์ยังดำเนินนโยบายการเงินอย่างรัดกุมและระมัดระวัง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--