ประธานก.ล.ต.ระบุต้องเร่งสร้างตลาดทุนให้เข้มแข็งรองรับการแข่งขันในอนาคต

          นายวิจิตร สุพินิจ ประธาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กล่าวในหัวข้อ"ตลาดทุนไทยจากอดีต ปัจจุบัน สู่อนาคต" ในงานสัมมนาไทยแลนด์โฟกัส 2008 ว่า ตลาดทุนไทยมีความสำคัญต่อระบบศก.ในด้านการระดมทุนและการจัดสรรทรัพยากรที่มีจำกัดให้บรรลุประโยชน์สูงสุด และการพัฒนาตลาดทุน ถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลควรให้ความสนใจอย่างเต็มที่ 
          ปัจจุบันการแพร่หลายของตลาดเงินโลก ทำให้เกิดการค้าข้ามพรมแดน มีการลงทุนซื้อขายเพื่อทำกำไรสูงสุด และทำให้ตลาดทุนต่างๆ มีการแข่งขันเพื่อดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุน ดังนั้น นโยบายการพัฒนาตลาดทุนไทย จึงเน้นการเพิ่มความสามารถการแข่งขัน แต่เนื่องจากความสามารถการเรียนรู้และความเข้าใจของนักลงทุนรายย่อยของไทยยังมีจำกัด  
          คณะกรรมการ กลต. จึงจัดทำแผนงานระยะ 5 ปี เพื่อสร้างความเสรีของตลาด ครอบคลุมถึงการให้อิสระในการออกใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ และอิสระการต่อรองค่าธรรมเนียมแก่นายหน้าและผู้ลงทุน ซึ่งพร้อมมีผลบังคับใช้ในปี 2555
          อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนไทยในอนาคต ยังต้องมีการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นระหว่างตลาดทุนต่างๆ และการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดทุนจีนและอินเดีย ซึ่งอาจทำให้ตลาดทุนขนาดเล็กเกิดการรวมตัว เพื่อสร้างความเข้มแข็งโดยเฉพาะในประเทศกลุ่มอาเซียนที่มีความตกลงร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนในปี 2558  
          ดังนั้น จึงต้องเร่งการพัฒนาตลาดทุนไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งนอกจากการเปิดเสรีระบบการออกใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์และการต่อรองค่านายหน้าแล้ว ยังต้องมีเร่งกำจัดการผู้ขาดการซื้อขายแลกเปลี่บน การส่งเสริมการให้บริการระหว่างประเทศของธุรกิจหลักทรัพย์  ความร่วมมือกันระหว่างภูมิภาค โดยออกมาตรฐานของตลาดที่สอดคล้องกันทั้งในภูมิภาคและตลาดโลก
          ทั้งนี้ ก้าวต่อไปของ ก.ล.ต.จะคำนึงของการเติบโตของตลาด และการกระตุ้นการลงทุนด้วยการปฏิรูปกฎระเบียบ ลดข้อบังคับที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของนักลงทุน และผู้ดำเนินธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่หลากหลายตามความต้องการของนักลงทุน และอาจมีกฎระเบียบควบคุมอุตสาหกรรม โดยให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมวางมาตรฐานในอุตสาหกรรมที่ลงทุนได้ และ การส่งเสริมการให้ความรู้แก่นักลงทุนในสิทธิของตนเอง